นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าแผนการดำเนินงานที่วางไว้จะส่งผลให้ช่วงครึ่งปีหลังสามารถเติบโตได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะเป็นช่วงเข้าสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาล ทั้งนี้บริษัทจึงพิจารณาปรับประมาณการรายได้รวมทั้งปี 65 ขึ้นเป็นเติบโตที่ระดับ 3.9 พันล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ไตรมาส 2/65 บริษัทมีรายได้รวม 980.04 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 337.83 ล้านบาท หรือเติบโต 52.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 642.22 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 124.80 ล้านบาท หรือเติบโต 959.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำไว้ 11.78 ล้านบาท
ขณะที่ครึ่งแรกปี 65 บริษัทมีรายได้รวม 1,959.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,320.54 ล้านบาท จำนวน 638.64 ล้านบาท หรือ 48.4% และมีกำไรสุทธิ 281.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 50.33 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 460.0%
ผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่นทำนิวไฮทั้งรายได้และกำไร มีปัจจัยสนับสนุนมาจาก อานิสงส์การระบาดของ Covid-19 สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 และอัตราเข้าใช้บริการค่อนข้างสูง ทั้งกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) และกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) โดยเฉพาะผู้ป่วยที่รักษาโรคเฉพาะทางและโรคที่ความซับซ้อนขยับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน การเข้ารับบริการศูนย์เลสิค วัคซีนโมเดอร์น่า ศูนย์กุมารเวชกรรม สถาบันหัวใจและหลอดเลือด และการผ่าตัดเต้านมเสริมความงามมีการขยายตัวดี รวมถึงรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติมีทิศทางปรับตัวที่ดี มาจาก Fly-in Patient โดยเฉพาะผู้ป่วยจาก CLMV และจากการขยายฐานลูกค้าต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทยเพิ่มขึ้น
สำหรับแนวโน้มภาพรวมธุรกิจครึ่งหลังปี 65 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะไตรมาส 3 ต่อเนื่องไปยังไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจโรงพยาบาล โดยเริ่มเห็นแนวโน้มการเข้ารักษาจำนวนมาก เพราะเป็นช่วงฤดูฝนที่อาจมีการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้คนไข้ต่างชาติกลับมารักษามากขึ้นจากการเปิดประเทศ
แผนการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเปิดศูนย์ใหม่เพิ่มเติม อาทิ ศูนย์โรคปอด และระบบทางเดินหายใจ เพื่อรักษาอาการ Long Covid โดยเฉพาะ หลังพบว่าอาการ Long Covid ที่เกิดขึ้นทำให้สภาพร่างกายผู้ป่วยไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่เหมือนโรคไข้หวัดทั่วไป ผ่านการดูแลด้วยทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด อีกทั้งบริษัทวางแผนเตรียมรีโนเวทชั้น 16 ที่ยังไม่ได้ตกแต่งภายใน เพื่อเปิดรองรับผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
พร้อมทั้งเดินหน้าขยายแพลตฟอร์มดูแลผู้สูงอายุเกี่ยวกับการดูแลเฉพาะทาง ที่เป็นโรคซับซ้อน เชื่อมโยงโลกธุรกิจกับโลกเสมือนจริงด้วยเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส (Metaverse) เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้าน Digital Hospital โดยเป็นการรองรับระบบ Telemedicine หรือการรักษากับแพทย์ทางไกลเสมือนจริงแบบ Real Time รวมถึงขยายการบริการใหม่ๆ ที่หลากหลาย เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น ทั้งการเสริมความงามและการดูแลสุขภาพ
นอกจากนี้บริษัทมีการศึกษาโปรเจ็กต์อื่น ๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากการรักษาพยาบาล อาทิ กัญชา, วิตามินเสริม, การเปิดร้านขายยา เพื่อมองหาโอกาสการลงทุนที่เหมาะสมและคุ้มค่า ซึ่งแผนงานดังกล่าวเชื่อมั่นว่าจะเป็นการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต