A5 จ่อขายหุ้นกู้ 680 ลบ.อายุ 2 ปี ดอกเบี้ย 7%-ทยอยเปิด 3 โครงการใหม่ H2/65

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 15, 2022 12:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

A5 จ่อขายหุ้นกู้ 680 ลบ.อายุ 2 ปี ดอกเบี้ย 7%-ทยอยเปิด 3 โครงการใหม่ H2/65

นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป (A5) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้เป็นครั้งแรก (ครั้งที่ 1/2565) มูลค่ารวมไม่เกิน 680 ล้านบาท ให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ผ่านผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ 6 ราย ในวันที่ 18 -19 และ 22-23 ส.ค.65 ได้แก่ บล.พาย บล.เอสเอสแอล บล.บียอนด์ บล.เคทีบีเอสที บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ และ บลจ.เอเชียเวลท์

ห้นกู้ดังกล่าวเป็นชนิดระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกำหนด อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 กำหนดผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยคงที่ 7% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน จองซื้อขั้นต่ำ 1 แสนบาท ทวีคูณครั้งละ 1 แสนบาท บริษัทมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนรองรับการขยายธุรกิจ

สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,500 ล้านบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายยอดขาย 1,000 ล้านบาทตามที่วางไว้ ได้แก่ โครงการบ้านแนวราบระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท โครงการบ้านรชยา ประชาสันติ จังหวัดอุดรธานี มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดจองตั้งแต่ยังไม่เปิดพรีเซล และบ้านจัดสรรอีก 1 โครงการในจังหวัดอุดรธานี มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน เพื่อเตรียมไว้พัฒนาโครงการใหม่ในปีหน้า คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ 1-2 แปลงในเร็วๆ นี้ รวมถึงมองหาที่ดินเพิ่มเติมในทำเลที่มีศักยภาพ

ส่วนความคืบหน้ายอดขายโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ "ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์" มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 87% คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธ์ในไตรมาส 2 ปีหน้าตามแผนที่วางไว้

"แนวโน้มความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะทยอยฟื้นตัว แม้ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% จากเดิม 0.50% เป็น 0.75% แต่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันยังคงเป็นช่วงเวลาที่ดีของการซื้อที่อยู่อาศัย เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาบ้านมากนักเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นการซื้อบ้านในปีนี้น่าจะได้ราคาที่ดีกว่าปีหน้าอย่างแน่นอน"นายศุภโชค กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 มีอัตราเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะกำไรสุทธิที่ทำได้ 30 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 450% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารต้นทุนในการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผนวกกับความต้องการด้านที่อยู่อาศัยที่ยังมีอัตราเพิ่มขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 33% ใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ (รายได้รวม) อยู่ที่ 229 ล้านบาท เติบโต 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านในโครงการวนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9 - ศรีนครินทร์ และโครงการบ้านรชยา วงแหวน-นาดี จังหวัดอุดรธานี ที่ปิดการขายได้แล้วทุกยูนิต

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเติบโตสอดคล้องกัน หากไม่นับรวมกำไรพิเศษจากการขายที่ดินที่เกิดขึ้นในไตรมาส 1/64 จำนวน 105 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิรวม 82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 401% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ไม่รวมกำไรสุทธิจากการขายที่ดินในไตรมาส 1/64) และมียอดรับรู้รายได้ (รายได้รวม) อยู่ที่ 551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ไม่รวมรายได้จากการขายที่ดินในไตรมาส 1/64)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ