นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วิลล่า คุณาลัย (KUN) เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการบริหารงาน รวมถึงความมุ่งมั่นในการสร้างอัตราการเติบโตของบริษัท ส่งผลให้บริษัทเชื่อมั่นว่าภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับปี 65 มีแนวโน้มที่จะเติบโต 10-15% ตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเป้ายอด Pre-Sale ที่แตะระดับ 1,700 ล้านบาท และหากได้ตามเป้าจะถือว่าเป็นการทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ต่อเนื่องจากปี 64 ถือว่าเป็นการเติบโต New High 2 ปีซ้อน
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 65 บริษัทมีรายได้รวม 545.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และกำไรสุทธิ 75.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.8% (YoY) ขณะที่ไตรมาส 2/65 มีรายได้รวม 278 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY และกำไรสุทธิ 37.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% (YoY)
ปัจจัยที่ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 65 เติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 64 เนื่องจากความต้องการบ้านแนวราบยังมีต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิค-19 ทำให้ลูกค้าต้องการที่อาศัยที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ครบทุกมิติ ประกอบกับความกังวลแนวโน้มที่อยู่อาศัยมีโอกาสปรับระดับราคาสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากราคาวัสดุก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ประกอบกับ มีมาตรการสนับสนุนการซื้อบ้านจากภาครัฐ ทั้งมาตรการผ่อนคลายมาตรการ LTV และ การลดค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนจำนอง สำหรับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จะสิ้นสุดในปี 65 ยิ่งกระตุ้นการซื้อของกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายในงวด 6 เดือนแรก อยู่ที่ระดับ 745.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 64 ที่ทำได้ 730.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.15 % คิดเป็น 44% ของเป้ายอดขาย (Pre-Sale) ทั้งปีที่ 1,700 ล้านบาท
"ช่วงครึ่งปีแรก 65 บริษัทฯรับรู้รายได้ จากโครงการที่ได้เปิดขายไปแล้ว ประกอบด้วย โครงการคุณาลัย พรีม ซึ่งรับรู้รายได้เข้ามาแล้วกว่า 64% , โครงการคุณาลัย บีกินส์ 2 สามารถรับรู้รายได้แล้วกว่า17% ส่วน โครงการคุณาลัย พาร์โก้ , โครงการคุณาลัย จอย ออน 314 และโครงการคุณาลัย คอร์ทยาร์ด มีการรับรู้รายได้เข้ามาร่วมกันเฉลี่ยกว่า 19 %"
สำหรับโครงการคุณาลัย เดซี่ สามารถทำยอดขายได้แล้ว 125 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการคุณาลัย พรีม ที่ขายดีสุดของบริษัทฯโดยจะเริ่มโอนในไตรมาส 4/65 ขณะที่โครงการคุณาลัย พาร์โก้ ที่เปิดตัวไปช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ก็เริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้การตอบรับจากกลุ่มลูกค้าอย่างมาก ส่งผลให้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้จากทั้ง 2 โครงการในปีนี้ไว้ที่ 300 ล้านบาท
สำหรับทิศทางในครึ่งปีหลัง บริษัทได้วางกลยุทธ์การทางตลาดเพื่อกระตุ้นการขาย รวมถึงกำลังซื้อที่คาดว่าจะฟื้นตัว ภายใต้การออกแคมเปญโปรโมชั่น อาทิ โปรฟ้าลั่น ฟรีของแถม 15 รายการ สำหรับโครงการคุณาลัย บีกินส์ 2 ซึ่งเป็นบ้านทาวน์โฮม นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการทยอยออกแคมเปญอื่นๆ ออกมาต่อเนื่อง
"ปัจจัยแนวโน้มดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อการกู้ซื้อบ้าน โดยดอกเบี้ยที่เพิ่มทุก 1% จะทำให้ภาระการผ่อนสินเชื่อบ้านปรับขึ้นอีกประมาณ 5%-13% ของยอดผ่อนต่อเดือน (ขึ้นกับระยะเวลาในการผ่อน) ทำให้ผู้ซื้อบ้านมีค่าผ่อนบ้านสูงขึ้นกว่าเดิม หรือถ้าจะคงค่าผ่อนเท่าเดิมก็จะต้องใช้เวลาในการผ่อนยาวขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านของลูกค้า ในทางกลับกันจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัว ประกอบกับมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ โดยเฉพาะเรื่องการผ่อนคลายมาตรการ LTV ยังคงเป็นปัจจัยเชิงบวกที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจในการซื้อบ้านของลูกค้าได้ในระดับหนึ่ง"
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/65 บริษัทเตรียมเปิดโครงการคุณาลัย นาวาร่า โซนบางขุนเทียน พระราม 2 มูลค่า 3,500 ล้านบาท และคาดว่าจะเปิดขายได้ในไตรมาส 1/66 โดยคาดว่าโครงการจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งจากรูปแบบของโครงการ รูปแบบบ้านในโครงการ ฟังก์ชันของบ้าน ขนาดพื้นที่ใช้สอยของบ้านและขนาดที่ดิน รวมถึงระดับราคาขายเริ่มต้นของโครงการ ทั้งนี้ยอมรับว่าโซนบางขุนเทียน มีการพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งการปรับปรุงห้างสรรพสินค้าเดิม รวมถึงการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่
นอกจากนี้มีการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมใหม่ๆ อาทิ ทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตกและทางยกระดับลอยฟ้าบางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว โดยทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในปี 67 และปี 68 ซึ่งจะทำให้การเดินทางเข้าไปในโซนเมืองสะดวกมากขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทฯมองว่าโครงการคุณาลัย นาวาร่า จะเป็นอีก 1 แฟลกชิป (Flagship) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรือธงของ"คุณาลัย"
สำหรับดีมานด์กลุ่มผู้บริโภคในโซนที่ "คุณาลัย" พัฒนาอยู่ทั้ง 3 โซน(บางบัวทอง ฉะเชิงเทรา และบางขุนเทียน) ในปัจจุบันถือว่ามีดีมานด์ ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ดีอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกโซนมีการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟฟ้า ถนนวงแหวน ทางด่วนใหม่ ทำให้มั่นใจว่าเราจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายของปี 65 และจะทะยานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี ซึ่งจะเป็นการสร้างฐานรายรับในอนาคตให้เติบโตยิ่งขึ้น