นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ. ศักดิ์สยามลิสซิ่ง (SAK) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในครึ่งปีหลังว่า บริษัทยังตอกย้ำนโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างรัดกุม เพื่อบริหารความเสี่ยงและควบคุมคุณภาพลูกหนี้ ยังมีแผนเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 38 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคตะวันตก จากแผนการขยายสาขา 209 แห่งในปี 2565 หรือรวมทั้งสิ้น 929 สาขาอีกด้วย
ในปี 66 บริษัทตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อที่ 14,200 ล้านบาท โดยบริษัทเตรียมที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 1,129 สาขา หรือเพิ่มขึ้น 200 แห่ง จาก ณ สิ้นปี 65 ที่จะมีสาขา 929 สาขา โดยบริษัทยังคงดำเนินกลยุทธ์ในการเดินหน้าที่จะพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อที่จะยกระดับการให้บริการสินเชื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
โดยการบันทึกข้อมูลและเอกสารแบบ Paperless การยืนยันตัวตนด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มความรวดเร็วในกระบวนการตรวจสอบและอนุมัตรสินเชื่อ ลดค่าใช้จ่าย ต่อมาคือระบบผ่านมือถือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับชำระ-จ่ายเงินสินเชื่อ โดยเชื่อมโยงกับเครื่อข่ายของธนาคาร เพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการรับข่าวสารและตรวจสอบข้อมูล รวมไปถึงการนำข้อมูลฐานลูกค้า ประวัติและพฤติกรรมของลูกค้าในอดีต มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ในการวิเคราะห์สินเชื่อ การติดตามหนี้ และในการประเมินความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อ
"ความต้องการสินเชื่อเพื่อนำมาเป็นฐานทุนการประกอบอาชีพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปใช้หมุนเวียนเป็นแรงขับเคลื่อนการประกอบอาชีพ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินหรือกระทั่งต่อยอดจากการประกอบอาชีพ โดย SAK มั่นใจว่าแผนขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นจะช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ จะส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ การบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพโดยต้นทุนต่อรายได้ลดลงต่อเนื่องจากการขยายสาขาน้อยกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จึงมั่นใจว่า ในปีนี้จะผลักดันพอร์ตสินเชื่อทั้งปีได้ตามเป้าหมายแตะกว่า 11,300 ล้านบาท" นายศิวพงศ์ กล่าว
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 บริษัทเดินหน้าขยายสาขาใหม่ ทำให้มีสาขาเพิ่ม 171 แห่งในครึ่งปีแรก ส่งผลให้มีสัญญาเพิ่มขึ้น 18,108 สัญญา และผลักดันให้พอร์ตสินเชื่อรวมครึ่งปีแรกอยู่ที่ 9,773 ล้านบาท เติบโต 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 167.1 ล้านบาท เติบโต 21.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 333.4 ล้านบาท เติบโต 30.4%
ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากพอร์ตสินเชื่อรวมที่ปรับตัวดีตามฤดูกาลเพาะปลูก ทำให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเกษตรกรมีความต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่ดีขึ้นตามฤดูกาล และประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Cluster) ช่วยลดจำนวนพนักงานต่อสาขาลง เริ่มส่งผลให้การบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ นโยบายการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อที่มีความรัดกุม ทำให้ SAK สามารถบริหารควบคุมหนี้ NPLs ให้อยู่ในระดับ 2.5% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันยังสามารถทำรายได้รวมจากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมและบริการ 1,090.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสินเชื่อเช่าซื้อเติบโต 54.1 % สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (นาโนไฟแนนซ์) เติบโต 27.4% และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถขยายตัว 26.6%
บริษัทตั้งเป้ารักษาระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ สิ้นปี 65 ไม่ให้เกิน 3% โดยในช่วงไตรมาส 3/65 พบว่า NPL ยังคงมีทิศทางเร่งตัวขึ้นอีกหลังจากที่ช่วงไตรมาส 2/65 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.5% จากไตรมาส 1/65 ที่ 2.3% โดยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และเงินเฟ้อสูง ตลอดจนหนี้ครัวเรือนยังสูง ส่งผลให้รายได้ของประชาชนลดลง และกระทบต่อความสามารถในชำระหนี้ของลูกค้า
สำหรับทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นนั้น มองว่าประเทศไทยจะไม่ได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากนักและการปรับขึ้นจะค่อยเป็นค่อยไปหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประเมินว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะมีผลกระทบต่อภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจ และกระทบถึงภาคประชาชนด้วย แต่อย่างไรก็ตามทางบริษัทได้มีการประเมินแล้วว่าหากดอกเบี้ยปรับขึ้นไปอีก 0.50-1.00% ภายในปีนี้จะไม่ได้มีผลกระทบต่อกำไรของบริษัท