นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ว่ามีโอกาสแกว่งตัวลักษณะ Sideway Up โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณเงินเฟ้อที่ลดลง และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งภาพรวมการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ทางบมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) ได้เปิดเผยถึงปริมาณจราจรทางอากาศช่วง 6 เดือนแรกปี 2565 ว่ามีปริมาณผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยาน 6 แห่ง รวม 22.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 170% หรือเพิ่มขึ้น 14.1 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีผู้โดยสาร 8.3 ล้านคน ภายหลังจากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมาต่อเนื่อง รวมทั้งสถานการณ์ระหว่างไต้หวัน กับจีน หลังจากไต้หวันปฏิเสธหลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ที่รัฐบาลจีนเผยแพร่ในสมุดปกขาวเพื่อแสดงจุดยืนของจีนเรื่องไต้หวัน โดยด้านนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า สมาชิกสภาคองเกรสไม่หวั่นเกรงต่อปฏิกิริยาของจีนจากกรณีเดินทางไปเยือนไต้หวัน
ขณะที่สถานการณ์ความตึงเครียดรัสเซีย และ ยูเครนยังมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดทาง EU คว่ำบาตรการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันพุธที่ 10 ส.ค. 2565 เป็นบทลงโทษสำคัญในมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียฉบับที่ 5 เพื่อลงโทษรัสเซียฐานรุกรานยูเครน จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ในกรอบ 1,600-1,640 จุด
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์สำหรับการลงทุนหุ้นกลุ่มโรงแรม จากการรายงานผลการดำเนินงานเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว ภายหลังจากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 การเดินทางในประเทศที่เพิ่มขึ้น และการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยหุ้นที่น่าลงทุน ได้แก่ MINT, ERW, CENTEL, AWC และ SHR
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญมากนักมีเพียงตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐและรายงานการประชุม FOMC ในเดือน ก.ค. ซึ่งควรติดตามเรื่องมุมมองต่อเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดครั้งถัดไป ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 63.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 2.75-3.00% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 36.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
ดังนั้นฝ่ายวิจัยประเมินว่า ราคาทองคำมีแนวโน้ม Sideway Up เนื่องจากตลาดรับข่าวร้ายไปแล้วทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น ระหว่างสัปดาห์หากย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,750 เหรียญ/ออนซ์ ทยอยเข้าซื้อสะสม และมีจุดขายทำกำไรที่ 1,820 เหรียญ/ออนซ์