นายชัยพิพัฒน์ แก้วไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น (AQUA) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโครงสร้างธุรกิจของบริษัทฯ มีความชัดเจนมากขึ้น และ AQUA ปรับกลยุทธ์การลงทุนสู่ธุรกิจที่เป็น Mega Trend ของโลกคือ ธุรกิจ Fintech, Logistic และ Healthcare อย่างเต็มตัว
ธุรกิจ Fintech ถือเป็นนวัทตกรรมที่สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตของคนในสังคมปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งขั้นแรก AQUA ได้ลงทุนในบริษัท เพียร์ ฟอร์ ออล จำกัด (Peer for All) ซึ่งจัดตั้งและลงทุนร่วมกับบมจ. นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS) ในสัดส่วน 60% และ 40% ตามลำดับ และอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม ซึ่งจะสามารถเปิดให้บริการและรับรู้รายได้ภายในปี 66
และเพื่อต่อยอดด้าน Fintech บริษัทฯ กำลังศึกษาเรื่องการทำ Virtual bank หรือ Digital bank แบบไม่มีสาขา ซึ่งจะเป็นเทรนด์ใหม่ในอนาคต เพราะมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ในวงกว้าง ซึ่งมีต้นทุนต่ำ ด้วยเทคโนโลยีที่เติบโตไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัย อีกทั้งในอนาคตบริษัทฯ เตรียมจะยื่นขอใบอนุญาต (License) จากธนาคารแห่งประเทศไทยในการเปิด Virtual Bank หรือ Digital bank เพื่อให้บริการต่อไป
ด้านบอร์ด AQUA อนุมัติให้เข้าลงทุนธุรกิจ Logistic โดยได้ลงทุนใน บริษัท Thai Parcel ในสัดส่วน 34.67% ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการจัดส่งพัสดุขนาดใหญ่ (Odd size/Oversize) ภายในประเทศทั้งในรูปแบบธุรกิจถึงธุรกิจ (B2B) รูปแบบธุรกิจถึงบุคคล (B2C) และรูปแบบบุคคลถึงบุคคล (C2C) โดยมีศูนย์กระจายสินค้าที่มีจุดรับอยู่ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย ซึ่งจะสามารถต่อยอดและส่งเสริมธุรกิจดั้งเดิมคือการให้บริการ Warehouse ได้
และล่าสุด AQUA ได้ประกาศเข้าร่วมทุนมูลค่ากว่า 2,448 ล้านบาท ในธุรกิจ Healthcare กับทาง บริษัท ธนบุรี รีแฮบ เซ็นเตอร์ (ทีเอชอาร์) จำกัด หรือ THR ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) เพื่อเปิดเป็น Rehab Center ขึ้น ในชื่อว่า ?The Hills Rehab Chiangmai by Thonburi Rehab Center? ภายใต้ บจก. มันตรา แอสเซ็ท (MANTRA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยโดยตรงของ AQUA เป็นการนำ Asset ที่บริษัทฯ มีอยู่กลับมาพัฒนาและจับมือกับพันธมิตรใหม่ เปิดศูนย์บำบัดสำหรับผู้ติดยาเสพติด ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้จากการร่วมทุนและการให้บริการดังกล่าว
"ปัจจุบัน AQUA มีกระแสเงินสดที่ดี และเราเตรียมเงินลงทุนไว้หลักพันล้าน เพื่อต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ มาเสริมความแข็งแกร่งด้านการดำเนินงานและผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อไป" นายชัยพิพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด หรือ Tris Rating ได้ทบทวนผลอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทฯ ประจำปี 2565 โดยทำการวิเคราะห์และประเมินผลจากข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทฯ (มีค่า EBITDA ราว 300-400 ล้านบาทต่อปี ซึ่งยังไม่รวมคำนวณถึงธุรกิจ MEGA TREND ที่ทางบริษัทฯเพิ่งเข้าลงทุนไปใหม่) รวมทั้งวิเคราะห์และประเมินผลจากแหล่งข้อมูลอื่นที่เชื่อถือได้แล้ว กำหนดให้อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทฯ คงเดิมที่ระดับ "BBB-" (Triple B Minus) ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิตได้กำหนดที่ระดับ "Stable" หรือ "คงที่" การประเมินดังกล่าวสะท้อนถึงความมั่นคงที่เหมาะสมต่อการลงทุน (Investment grade) ของบริษัท AQUA
สำหรับไตรมาส 2/65 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 690.12ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 11.33 ล้านบาทในไตรมาส 2/64
"งบการเงินของบริษัทฯ เป็นไปในทิศทางที่ดีตามที่ได้คาดการณ์ไว้ เรามีรายได้ที่มั่นคงจากธุรกิจ Warehouse และธุรกิจพลังงานที่บริษัทฯ ลงทุนไว้"