นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สกาย ไอซีที (SKY) เปิดเผยว่า สถานการณ์การดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง 65 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกระแสการท่องเที่ยวไทยที่กำลังกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังการเปิดประเทศ โดยข้อมูลจากบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ระบุว่าครึ่งปีแรกจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นทุกเดือน และคาดว่าในไตรมาส 4/65 จะมีปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยสูงกว่า 1.6 แสนคนต่อวัน ส่งผลให้โครงการต่างๆ ของ SKY ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางทางอากาศและรับรู้รายได้ตามจำนวนผู้โดยสารขาเข้า ผู้โดยสารขาออก ผู้โดยสารผ่าน และผู้โดยสารเปลี่ยนลำ เช่น โครงการการให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) โครงการประมวลผลรายการข้อมูลสำหรับฐานข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสาร (PNR) จะมีโอกาสรับรู้รายได้เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบปีก่อนหน้า
ขณะเดียวกัน บริษัทยังเดินหน้าตามแผน CONNECTING THAILAND เชื่อมต่อเทคโนโลยีทันสมัยเข้ากับการดำเนินชีวิตของผู้คน และเชื่อมต่อระบบนิเวศทางเทคโนโลยีของประเทศไทยให้พร้อมเดินหน้าสู่อนาคตอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้บริษัทได้นำกลยุทธ์ Advanced Tech หรือการผสานหลากเทคโนโลยีมาทำงานร่วมกัน มาช่วยยกระดับการท่องเที่ยวประเทศไทยให้พร้อมรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงปลายปี ด้วยการผนึกกำลังครั้งใหญ่ร่วมกับพันธมิตรสัญชาติไทยจากหลากหลายธุรกิจ ร่วมกันเสริมความแข็งแกร่งให้แอปพลิเคชัน "SAWASDEE by AOT" พร้อมสู่การเป็น Thai Travel Super App เพื่อนคู่ใจนักท่องเที่ยวที่มีฟีเจอร์สำคัญรองรับทุกความต้องการตลอดการเดินทาง ซึ่งเตรียมจะเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการภายในเดือน ต.ค. นี้
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 บริษัทสามารถทำรายได้รวม 804 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 65 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,272 ล้านบาท กำไรสุทธิ 165 ล้านบาท เติบโต 575% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY%) โดยบริษัทได้เข้าไปลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทอื่นที่มีศักยภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
"เรายังคงเดินหน้าขยาย Tech Ecosystem ของสกาย ไอซีที ด้วยการผนึกความแข็งแกร่งกับพันธมิตรทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและด้านความปลอดภัย เพื่อให้สกาย ไอซีทีเป็น Tech Company ที่มีศักยภาพโดดเด่น พร้อมรองรับทุกความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งจะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างก้าวกระโดด" นายสิทธิเดช กล่าว
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2/65 บริษัทมีงานที่รอส่งมอบตามสัญญาในอนาคตอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 23,000 ล้านบาท โดยในครึ่งหลังปี 65 คาดว่าจะมีรายได้จากงานที่รอส่งมอบโครงการภาครัฐหลายโครงการ อาทิ ระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) และโครงการการให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) รวมกับโครงการที่อยู่ในแผนงานที่จะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่องจากสัญญาใหม่ จะสร้างการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญให้กับบริษัทไม่ต่ำกว่า 20%