นางสาววรมน อิงคตานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วครึ่งหลังของปีนี้จะยังเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่อง และเติบโตได้สูงกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/65 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่กลับมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งปีหลังรวมกันจะอยู่ที่ 7.2 ล้านคน สูงกว่าครึ่งปีแรกที่กว่า 2 ล้านคน ส่งผลบวกต่อธุรกิจโรงแรมของบริษัท
ในช่วงเดือน ก.ค.65 ที่ผ่านมาอัตราการเข้าพักของลูกค้าที่เข้ามาพักโรงแรมในเครือไม่รวมในส่วนของโรงแรม Hop inn อยู่ที่ 65% และในส่วนของโรงแรม Hop inn มีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 76% และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (Revpar) ยังมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นไปตามประมาณการของบริษัทที่มากกว่า 60% หลังราคาห้องพักสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้กว่า 100% จากการที่ความต้องการในการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมา
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าในประเทศยังคงเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยหนุนต่อการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะโรงแรม Hop inn ในประเทศไทย ซึ่งจับกลุ่มลูกค้าในประเทศ และเป็นปัจจัยหนุนในการสร้างผลการดำเนินงานที่ดีเข้ามาให้กับบริษัท และสามารถทำผลงานได้ฟื้นตัวกลับไปในระดับเดียวกับก่อนช่วงเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้แล้ว ขณะที่กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาจะหนุนกลุ่มโรงแรมระดับ Luxury ที่เห็นการฟื้นตัวดีจากการเข้าพักของลูกค้าชาวต่างชาติ ม่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฟื้นตัว
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการเปิดโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 3 แห่งแบรนด์ Hop inn ในไตรมาส 4/65 ได้แก่ Hop inn บางนา จะเปิดในช่วงเดือน ต.ค.65 ส่วน Hopp inn สถานีกรุงธนบุรี และ Hop inn อ่อนนุช จะเปิดในช่วงเดือนพ.ย. 65 ซึ่งจะหนุนต่อผลการดำเนินงานของบริษัทช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ต้อนรับไฮซีซั่น รองรับการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
นางสาววรมน กล่าวว่า บริษัทยอมรับว่าผลงานในปีนี้คงยังไม่เห็นการพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้ง แต่อาจจะเริ่มเห็นในปลายปี 66 หรือปี 67 ซึ่งยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการที่ภาคท่องเที่ยวค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวเข้าใกล้ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาสูงถึง 40 ล้านคน และยังรอตลาดใหญ่อย่างประเทศจีนเปิดให้คนเดินทางออกมาท่องเที่ยวนอกประเทศได้ ซึ่งจะมำให้ตลาดท่องเที่ยวกลับมาฟื้นขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ