SAWAD ปรับขึ้น 2.42% หรือเพิ่มขึ้น 1.25 บาท มาที่ 53.00 บาท มูลค่าซื่อขาย 250.92 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.19 น.) จากราคาเปิด 52.00 บาท ราคาสูงสุด 53.50 บาท ราคาต่ำสุด 51.75 บาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในครึ่งปีหลังปี 65 ผู้บริหาร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) คาดว่ารายได้สินเชื่อจะโตขึ้น เนื่องจากรายได้ของ บมจ.ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด (SCAP) จะถูกบันทึกเข้ามาเต็มไตรมาสในไตรมาส 3/65 และไตรมาส 4/65 (ไตรมาส 2/65 บันทึกมาแค่เดือน พ.ค.และ มิ.ย.) ในขณะที่สัดส่วน NPL จะลดลงเนื่องจากพอร์ตที่โตขึ้นโดยบริษัทจะคุม net NPL ให้อยู่เท่าเดิม และจะไม่มีการกลับ provision เหมือนปีที่ผ่านมาแล้ว (คาดว่า provision จะเพิ่ม 30-50 bps ในไตรมาส 3/65 และไตรมาส 4/65) ขณะที่ผู้บริหารมองว่าถ้าเกิดว่ามีการคุมดอกเบี้ยเช่าซื้อจะเป็นประโยชน์ให้กับ SAWAD เนื่องจากจะสามารถตัดคู่แข่งท้องถิ่นออกไปได้ (ปัจจุบันคู่แข่งท้องถิ่นมีสัดส่วนในตลาดอยู่ประมาณ 40%) และมองว่าการคุมดอกเบี้ยเช่าซื้อเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเพราะจะทำให้ประชากรประมาณ 20 ล้านคนไม่สามารถเข้าถึงสินค้าประเภทรถมอเตอร์ไซค์ และรถประเภทอื่นๆได้ อย่างไรก็ตามทางผู้บริหารได้เตรียมแผนรับมือเรียบร้อยแล้วถ้าการคุมดอกเบี้ยเช่าซื้อเกิดขึ้นจริง
SAWAD ประกาศกำไรไตรมาส 2/65 ที่ 1,042 ล้านบาท ลดลง 64 ล้านบาท -5.83% YoY, +0.55% QoQ โดย NPL อยู่ที่ 2.59% (จาก 3.05% ในไตรมาส 1/65 และ 4.28% ใน ไตรมาส 2/64) ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มขาลงของสัดส่วน NPL ที่ชัดเจนตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/64 (-65.3% YoY) พอร์ตสินเชื่อโต +26.7% YoY, +13.1% QoQ โดยการเติบโตหลักมาจากสินเชื่อเช่าซื้อที่อยู่ที่ 9,532 ล้านบาท (+231% YoY, +61.3% QoQ)
ด้านนายวิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ SCAP เปิดเผยว่า แนวโน้มช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯประเมินว่ามีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง และมั่นใจว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ระดับ 11,000 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ และบริษัทยังคงคำนึงถึงคุณภาพการปล่อยสินเชื่อเป็นหลัก โดยตั้งเป้ารักษาระดับ NPL รวมทั้งหมดไว้ไม่เกิน 2%
"ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา นับเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเอสแคปทั้งรายได้และกำไรสุทธิ เพราะเราสามารถทำผลงานเทียบเท่าปี 64 ภายในระยะเวลาแค่ครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นครึ่งปีหลังผมมองว่ายังเป็นโอกาสที่สดใสของธุรกิจจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ดี หรือแม้แต่การคลี่คลายของสถานการณ์โควิดที่เด่นชัดขึ้น ฉะนั้นภาพรวมธุรกิจยังคงเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ครับ"นายวิชิต กล่าว
ทั้งนี้ ความคืบหน้าในการควบรวมกิจการระหว่าง บมจ.เงินทุน ศรีสวัสดิ์ (BFIT) และ SCAP โดย BFIT อยู่ในระหว่างการยื่นขอคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุน และทำการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับจาก ธปท. ซึ่งบริษัทคาดว่ากระบวนการควบรวมกิจการจะแล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 บริษัทมีกำไรสุทธิ 174.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 73.07% ขณะที่รายได้ 892.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198.61% ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากความต้องการรถจักรยานยนต์ใหม่ในพื้นที่ศักยภาพที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทได้จับมือร่วมกับดีลเลอร์พันธมิตรทั่วประเทศ จึงช่วยสนับสนุนให้เกิดการปล่อยสินเชื่อได้มากยิ่งขึ้น
ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลพบความต้องการเพิ่มขึ้นหลังจากภาครัฐผ่อนปรนมาตรการโควิด ส่งผลให้ลูกค้าประเมินความสามารถในการผ่อนชำระได้ จึงทำให้มีการขอสินเชื่อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 65 มีกำไรสุทธิ 310.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 140.79% โดยกำไรสุทธิกือบเทียบเท่ากับกำไรสุทธิทั้งปี 64 ส่วนรายได้อยู่ที่ 1,415.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 187.23% ทุบสถิติรายได้ทั้งปี 64 เช่นกัน