ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ.ที่ปรับตัวลดลง ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 109.74 จุด หรือ 0.88% สู่ระดับ 12,422.86 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 11.86 จุด หรือ 0.88% สู่ระดับ 1,341.13 จุด โดยปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 16.69 จุด หรือ 0.71% สู่ระดับ 2,324.36 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.43 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้น Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.92 พันล้านหุ้น
เดวิด จอย หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทอเมอริไพรซ์ ไฟแนนเชียล อินเวสท์เมนท์ กล่าวว่า "นักลงทุนผิดหวังต่อรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ.ของสหรัฐที่ร่วงลง 1.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 เดือน ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาจะทำให้ความต้องการของผู้บริโภคและตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคทรุดตัวลง"
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.ร่วงลง 1.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 เดือน และราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นกว่า 4 ดอลลาร์หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยสต็อคน้ำมันดิบร่วงลงเกินคาด
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงหลังจากนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐแสดงความคิดเห็นว่า รัฐบาลสหรัฐควรใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นต่อวาณิชธนกิจของสหรัฐหลังจากวาณิชธนกิจแบร์ สเติร์นส์ ขาดสภาพคล่องจนต้องขอกู้วงเงินฉุกเฉินจากธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์ก และทำให้ต้องขายกิจการให้กับเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ในที่สุด
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มการเงินยังได้รับปัจจัยลบจากข่าวที่ว่า เมเรดิธ วิทนีย์ นักวิเคราะห์ของบริษัทออพเพนไฮเมอร์ แอนด์ โค ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรของธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 4 แห่งของสหรัฐ และ กล่าวว่า ผลกำไรของภาคธนาคารยังคงได้รับแรงกดดันให้ร่วงลงต่อไป โดยไม่รู้ แน่ชัดว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด
วิทนีย์กล่าวว่า ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในสหรัฐ อาจขาดทุน 1.15 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งตัวเลขนี้สูงเป็น 4 เท่าของตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 28 เซนต์ต่อหุ้น นอกจากนี้ คาดว่าซิตี้กรุ๊ปอาจขาดทุน 15 เซนต์ต่อหุ้นในปี 2008 หลังจากที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าซิตี้กรุ๊ปอาจทำกำไรได้ 75 เซนต์ต่อหุ้น
นอกจากนี้ วิทนีย์ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรต่อหุ้นประจำไต มาสแรกของธนาคารอื่นๆลงด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงปรับลดตัวเลขคาดการณ์ของ แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ปลงสู่ 35 เซนต์ จาก 92 เซนต์, ปรับลดตัวเลขคาด การณ์ของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ลงสู่ 70 เซนต์ จาก 86 เซนต์ และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ของวาโชเวีย คอร์ปลงสู่ 55 เซนต์ จาก 78 เซนต์
หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 2.8% หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 4.2% ขณะที่หุ้นเคลียร์ แชนเนล คอมมูนิเคชั่น ร่วงลง 17.5% และหุ้นจาบิล เซอร์กิต ดิ่งลง 18.1%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--