บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น (AQUA) จัดโครงสร้างใหม่หลังล้างพอร์ตธุรกิจสื่อโฆษณา ฉายภาพการ Synergy กลุ่มธุรกิจใหม่ที่ชูธงด้วย ธุรกิจฟินเทค ตามมาด้วยธุรกิจโลจิสติกส์ และ ธุรกิจ Healthcare ด้วยการอาศัยฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Biga data) ที่จะเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงกันเพื่อสร้างโอกาสการเติบโต
นายชัยพิพัฒน์ แก้วไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ AQUA ให้สัมภาษณ์กับ "อินโฟเควสท์" ว่า ก่อนหน้านี้ AQUA มีธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านเป็นธุรกิจหลัก แต่ได้ตัดสินใจขายให้กับ บมจ.แพลนบี มีเดีย (PLANB) ซึ่งได้เงินสดกลับมาส่วนหนึ่ง และได้นำเงินส่วนหนึ่งไป Re-Invest ใน PLANB ทำให้บริษัทปรับกลยุทธ์หันมาลงทุนธุรกิจใหม่ นั่นคือธุรกิจ Fintech ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้ในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ
"หากเราลองสำรวจธุรกิจทั่วโลกจะพบว่ามียูนิคอร์นเกิดใหม่ขึ้นเยอะมาก ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Fintech ทั้งสิ้น ทำให้บริษัทมองเห็นถึงการแก้ Pain Point ที่จะทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งเงินกู้นอกระบบ
ปัจจุบันทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้อนุมัติใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Peer to peer lending (P2P Lending) หรือสินเชื่อออนไลน์ระหว่างบุคคลรูปแบบใหม่ บริษัทจึงได้ทำการเข้าซื้อ บริษัท เนสท์ติฟลาย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่ทำหน้าที่จับคู่ (Matching) ระหว่างผู้ต้องการปล่อยกู้ และผู้ต้องการกู้มาพบกัน ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาทางการเงิน ให้ P2P Lending Platform เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ขาดสภาพคล่อง"
ขั้นแรกก่อนหน้านั้น AQUA ได้ลงทุนในบริษัท เพียร์ ฟอร์ ออล จำกัด (Peer for All) ซึ่งจัดตั้งและลงทุนร่วมกับ บมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS) ในสัดส่วน 60% และ 40% ตามลำดับ คาดว่าจะเปิดให้บริการและรับรู้รายได้ภายในปี 66
ขณะที่ NEWS ได้จัดตั้งบริษัท ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ และประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งได้อนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะเริ่มประกอบธุรกิจได้ในไตรมาส 4/65
นายชัยพิพัฒน์ กล่าวว่า ในเฟสเริ่มต้น การปล่อยกู้จะเป็นในลักษณะ Share Loan คือ การนำหุ้นมาวางเป็นหลักประกันสำหรับผู้ให้กู้ โดยสามารถใช้เป็นวงเงินในการปล่อยกู้ได้ถึง 50% เพื่อให้นำเงินไปเสริมสภาพคล่องในธุรกิจ หรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น โดยแพลตฟอร์มจะทำหน้าที่ให้ผู้กู้เลือกวงเงินที่ต้องการกู้ พร้อมระยะเวลาชำระหนี้ ผ่านการทำงานของสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการจัดหากองทุนเพื่อเข้ามาร่วมเป็นผู้ปล่อยกู้ในอนาคต และจากธุรกิจนี้เองจะทำให้เราสามารถเก็บข้อมูล (DATA) ของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มและนำมาใช้ประโยชน์ในอนาคตได้
"วันนี้ก้าวแรกที่เราก้าวเข้าไปคือ P2P Lending ซึ่งเราเป็นผู้ที่ได้ใบอนุญาตจากทางแบงก์ชาติเป็นที่เรียบร้อย และเรากำลังก้าวสู่การเป็น NEO Bank หรือ Visual Bank ที่สามารถให้บริการทางการเงินได้มากกว่า ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า ทำให้เราสามารถให้ผลประโยชน์แก่ผู้ใช้งาน โดยเป้าหมายภายใน 2 ปีนี้ AQUA จะพยายามสื่อสารและให้ความรู้ด้าน Fintech และ P2P Lending แก่ผู้กู้และผู้ให้กู้ให้มากที่สุด" นายชัยพิพัฒน์ กล่าว
ทางฝั่งธุรกิจ Logistic จากที่บริษัทตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นของ บมจ.ไทยพาร์เซิล (TP) ที่ให้บริการจัดส่งพัสดุขนาดใหญ่หรือไม่ได้เป็นรูปทรงมาตรฐาน (Odd size/Oversize) ในประเทศไทยทั้งในรูปแบบธุรกิจถึงธุรกิจ (B2B) รูปแบบธุรกิจถึงบุคคล (B2C) และรูปแบบบุคคลถึงบุคคล (C2C) รวมถึงให้บริการเก็บเงินค่าพัสดุปลายทาง (COD) โดยมีศูนย์กระจายสินค้าและจุดรับส่งสินค้ากระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งมีรายได้ในระดับปีละ 500-600 ล้านบาท
ขณะที่เดิม AQUA มีรายรับจากการให้เช่าคลังสินค้าพื้นที่ราว 1 แสนตารางเมตรราว 250 ล้านบาทต่อปี และค่าเช่าส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน รวมทั้งจะเป็นธุรกิจที่สามารถ Synergy กันได้โดยตรง เช่น การทำการตลาด
"Thai Parcel เป็นบริษัทมหาชนจำกัด ที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทยและประกอบธุรกิจรับขนส่งสินค้า ที่มีรายได้ 500-700 ล้านมา 3 ปี ต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่น IPO เราจะผลักดันให้เขายื่นไฟลิ่งให้ได้เร็วที่สุดน่าจะประมาณไตรมาส 3 โดยผู้ใช้บริการ warehouse ของเราจะสามารถใช้บริการส่งของ (Logistic) ได้ด้วย โดยธุรกิจนี้จะทำให้เราสามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน (DATA) ได้เยอะมาก ก่อให้เกิด synergy ต่อไป" นายชัยพิพัฒน์ กล่าว
นอกจากนั้น AQUA ยังได้ประกาศเข้าร่วมทุนมูลค่ากว่า 2,448 ล้านบาท ในธุรกิจ Healthcare กับทาง บริษัท ธนบุรี รีแฮบ เซ็นเตอร์ (ทีเอชอาร์) จำกัด (THR) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) เพื่อเปิดเป็น Rehab Center ขื่อ "The Hills Rehab Chiangmai by Thonburi Rehab Center" ภายใต้ บจก.มันตรา แอสเซ็ท (MANTRA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยโดยตรงของ AQUA เป็นการนำ Asset ที่บริษัทมีอยู่กลับมาพัฒนาและจับมือกับพันธมิตรใหม่ เปิดศูนย์บำบัดสำหรับผู้ติดยาเสพติด ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้จากการร่วมทุนและการให้บริการดังกล่าว
นายชัยพิพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทกว่า 2,000 ล้านบาท จากการขายหุ้นให้แก่ PLANB และการขายหุ้นกู้มูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งได้นำไปลงทุนกับธุรกิจ Fintech แล้ว และนำไปขยายกิจการต่อไปในอนาคต มั่นใจจะสามารถสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
"จะเห็นว่าสุดท้ายแล้ว Fintech Logistics Healthcare ทุกอย่างมันจะเชื่อมโยงทุกขาได้หมด อันนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่เราวางไว้ในอนาคต"นายชัยพิพัฒน์ กล่าว
https://www.youtube.com/watch?v=zMKmA7lJTlE