นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ในฐานะประธานกรรมการ บมจ.เคหะสุขประชา กล่าวว่า บริษัทวางเป้าหมายโครงการบ้านเคหะสุขประชา บ้านเช่าพร้อมอาชีพจำนวน 100,000 หน่วยจะใช้เวลาดำเนินงานภายในระยะเวลา 4 ปี โดยเริ่มดำเนินการไปแล้วตั้งแต่ต้นปี 65 ไปจนถึงปี 68 แบ่งเป็นปี 65-66 ก่อสร้างปีละ 30,000 หน่วย และปี 67-68 ปีละ 20,000 หน่วย
โดยส่งมอบบ้านเป็นโครงการนำร่องแล้วในโครงการ "บ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุง" จำนวน 302 หน่วย ตามด้วยโครงการ "บ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า" จำนวน 270 หน่วย ในอัตราเช่าที่ 1,500-3,500 บาท/เดือน ซึ่งงบการสร้าง "เคหะสุขประชา บ้านเช่าพร้อมอาชีพ" จะเป็นการระดมทุนจากภาคเอกชนทั้งหมดรวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งทางเคหะสุขประชา ได้แต่งตั้ง บล.ทรีนีตี้ เป็นที่ปรึกษาทางด้านการระดมทุนดังกล่าว
ปัจจุบัน บมจ.เคหะสุขประชา มี กคช.ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วน 49% และกลุ่มผู้ถือหุ้นอีก 6 ราย ประกอบด้วย บริษัท ออมสุข วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด สัดส่วน 25% บมจ.วินโดว์ เอเชีย สัดส่วน 11% บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด สัดส่วน 5% บริษัท แฟคซิลิตี้ แมนเนจเมนท์ จำกัด สัดส่วน 5% บริษัท มหาจักร อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด สัดส่วน 2.5% และบริษัท แอดวานซ์ แมททีเรียลส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด สัดส่วน 2.5% มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 500 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนจาก กคช. 245 ล้านบาท และเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นรายอื่นที่ไม่ใช่ภาครัฐ 255 ล้านบาท
สำหรับโครงการบ้านเคหะสุขประชายังมีการสร้างเศรษฐกิจชุมชนคู่ขนาน ในมิติของ "มีบ้าน - มีอาชีพ - มีรายได้ - มีความสุข" เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัย ให้สามารถประกอบอาชีพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยจัดให้มีพื้นที่สีเขียว พื้นที่สันทนาการ พื้นที่จอดรถ รวมถึงพื้นที่ "เศรษฐกิจสุขประชา" ตามความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการของแต่ละพื้นที่ ประกอบด้วย 6 รูปแบบ คือ เกษตรอินทรีย์, ปศุสัตว์, ตลาด,ศูนย์การค้าปลีกค้าส่ง, อาชีพบริการในชุมชนและชุมชนข้างเคียง และอุตสาหกรรมขนาดเล็ก มุ่งส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระในชุมชน รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจตามภูมิสังคมของพื้นที่นั้นๆที่เริ่มตั้งแต่การผลิตไปจนถึงช่องทางการจัดจำหน่าย
"โครงการบ้านเคหะสุขประชาเดินหน้าขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว จากนโยบายของ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่มั่นใจว่าสังคมที่ดีจะเริ่มต้นขึ้นที่ บ้าน ในครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งบ้านเช่าทั้ง 100,000 หน่วยในโครงการ จะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ได้พักอาศัยในที่อยู่ที่ดี มีคุณภาพมาตรฐานในราคาที่เหมาะสม ทั้งยังสามารถพัฒนาทักษะอาชีพในชุมชนเพื่อสร้างรายได้ นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิต รวมถึงยกระดับสังคมอย่างยั่งยืน" นายทวีพงษ์ กล่าว