บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC)จะเสนอแผนลงทุนโครงการขยายธุรกิจปิโตรเคมี มูลค่าประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณาก่อนสิ้นปี 51 เพื่อเพิ่มการผลิตรองรับความต้องการใช้ภายในประเทศ
ขณะเดียวกันในต้นเดือนเม.ย.บริษัทจะร่วมโรดโชว์ พร้อมรมว.คลังที่สิงคโปร์ เพื่อเปิดตัวกับสถาบันหรือกองทุนต่างประเทศให้รู้จักมากขึ้น ยอมรับต้องใช้เวลาที่จะเพิ่มสัดส่วนของนักลงทุนต่างประเทศ โดยปัจจุบันถือหุ้นไม่ถึง 5% แต่ยังมั่นใจผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บมจ.ปตท.(PTT) กองทุนข้าราชการบำเหน็ญบำนาญ(กบข.) ธนาคารออมสิน และกองทุนวายุภักษ์ พร้อมที่จะเพิ่มสัดส่วนในการถือหุ้นบริษัท
นายปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ IRPC เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาโครงการขยายธุรกิจปิโตรเคมี เป็นโครงการต่อเนื่องจากการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันที่จะได้ผลผลิตนาฟทาจำนวนมากออกมา ซึ่งจะทำให้สามารถขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น แต่ด้วยวงเงินลงทุนสูงถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ทำให้ต้องศึกษาอย่างรอบคอบก่อนที่จะนำเสนอคณะกรรมการบริษัทในช่วงสิ้นปีนี้
"เรากำลังดูอยู่เพราะใช้เงินลงทุนมาก ตอนนี้ใน 4 ปีข้างหน้าเราต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ผู้ลงทุนเขาก็กังวล การทำโปรเจ็คท์ก็ต้องคำนึงถึงฐานะตัวเองด้วย เราจะไม่ชะลอโครงการ แต่จะทำให้คณะกรรมการบริษัทมั่นใจในโครงการดังกล่าว"นายปิติ กล่าว
"ผมคิดว่าอย่างเร็วประมาณ 6 เดือนก็จะเสนอบอร์ด เพราะยังไม่มีความจำเป็นมากมาย เพราะอาจจะขายนาฟทาก็ได้ คิดว่าสิ้นปีจะของบประมาณกับบอร์ด ผมตั้งใจอย่างนั้น"นายปิติ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
โครงการนี้จะเป็นการขยายธุรกิจปิโตรเคมีให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งจะทำเป็นโครงการปิโตรเคมี สายไซลีน ผลิตเม็ดพลาสติก, ABS ที่บริษัทมีความชำนาญอยู่แล้ว และบริษัทไม่ต้องแข่งกับใคร โดยเฉพาะตลาดในประเทศที่บริษัทครองส่วนแบ่งมากที่สุดอยู่แล้ว ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมาจะนำไปเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์, กันชนรถยนต์ เป็นต้น และขณะนี้ไทยมีฐานการผลิตรถยนต์ หรือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์อยู่แล้ว
สำหรับโครงการปรับปรงประสิทธิภาพโรงกลั่นน้ำมัน เริ่มเดินหน้าแล้วหลังบอร์ดอนุมัติเงินลงทุน 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ จะทให้บริษัทมีน้ำมันดีเซลและเบนซินมากขึ้นกว่าปัจจจุบัน และมีนาฟทาเพิ่มอีกประมาณ 1 ล้านตันต่อปี
*ร่วมคณะรมว.คลัง โรดโชว์ที่สิงคโปร์ต้นเม.ย.
นายปิติ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าหรือต้นเดือน เม.ย. จะเดินทางไปโรดโชว์ที่สิงคโปร์ร่วมกับบล.ไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นคณะที่นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ร่วมเดินทางไปด้วย โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์จะเปิดตัวให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศให้มากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้ตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศในทันที เพราะเข้าใจดีกว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และต้องให้ช้อมูลกับนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนผู้ลงทุนต่างประเทศไม่ถึง 5%
"ความจริง foreign investor เข้ามาจริงๆก็ดีนะ มันแสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน ผมคิดว่าเขาก็คงมองๆเราอยู่ช่วงนี้ ตอนนี้เราเปิดตลอดว่าวันนี้เราไม่ใช่คนเดิม จากเมื่อก่อนที่ไม่เคยเปิดตัวเลย แต่เรื่องนี้ต้องใช้เวลา" นายปิติ กล่าว
นายปิติ กล่าวว่า บริษัทวางเป้าหมายเป็นหุ้นปันผล ที่จะมีการปันผลดีอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ส่วนใหญ่ก็ต้องการถือหุ้นเพิ่ม โดยเฉพาะ ปตท. ซึ่งคงจะเข้าไปซื้อหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากปัจจุบันผลตอบแทนจากการจ่ายปันผลสูงที่ประมาณ 5-6% เทียบกับรารคาหุ้นขณะนี้
จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ ปิดสมุดทะเบียนเมื่อ 19 มี.ค.51 ปรากฎว่า PTT ถือหุ้นเพิ่มเป็น 33.69% จากเดิมถือ 31.5% ธ.ออมสิน 10% กบข.ถือลดลงเหลือ 8.60% จาก 10% และ กองทุนวายุภักษ์ 1 ถือ 10%
ส่วนนักลงทุนต่างประเทศที่เข้าลงทุนได้แก่ HSBC(SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD ถือ 1.05%, BARCLAYS CAPITAL SECURITIES LIMITED A/C SBL/PB ถือ 0.96%
ราคา IRPC ขณะนี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.85 บาท/หุ้น ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวานนี้
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--