นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะสามารถทำกำไรได้สูงกกว่าปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท โดยที่ในช่วงครึ่งปีแรกมีกำไรอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท และมั่นใจว่าพอร์ตสินเชื่อรวมของ KTC ในปีนี้จะขึ้นไปแตะระดับ 1 แสนล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพอร์ตสินเชื่อของ KTC อยู่ที่ 9.5 หมื่นล้านบาท พร้อมกับควบคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไม่เกิน 3.6% จากครึ่งปีแรกที่ 3.5%
บริษัทยังมั่นใจภาพรวมของธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 ยังดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจบัตรเครดิตที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรมีการเติบโตขึ้นมากกว่าที่บริษัทประเมินไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากความมั่นใจในการกลับมาจับจ่ายใช้สอย หลังจากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว หลังจากโควิด-19 คลี่คลาย มีการกลับมาเปิดเมืองและเปิดประเทศ ซึ่งจะเห็นว่ากลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูงมีการจับจ่ายใช้สอยผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นมาก ส่วนกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลางยังคงมีการใช้จ่ายผ่านบัตรคงที่ โดยที่บริษัทคาดว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต (Spending) ในปีนี้จะเพิ่มเป็นเติบโต 15% จากเดิมที่ตั้งไว้เติบโต 10% โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตไปแล้วกว่า 16%
โดยที่ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้ารุกการทำแคมเปญการตลาดและโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ดีต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิต KTC ยังึคงมีการเลือกใช้บัตรเครดิตของ KTC ต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจุบันหมวดการใช้จ่ายในอันดับต้นๆที่ลูกค้าผู้ถือบัตร KTC มีการใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ ประกัน น้ำมัน ออนไลน์ช้อปปิ้ง และท่องเที่ยว
สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลยอมรับว่ายังมีการเติบโตที่ค่อนข้างช้าอยู่บ้าง จากที่กลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มที่ใช้สินเชื่อส่วนบุคคลยังมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย และยังไม่ฟื้นตัวกลับมาอย่างเต็มที่ ทำให้การเบิกใช้สินเชื่อยังคงชะลอตัว ซึ่งอาจจะยังต้อรอความมั่นใจของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวกลับมา และจะเริ่มเห็นการเบิกใช้และสมัครใช้สินเชื่อส่วนบุคลกลับมาเติบโต ซึ่งในปีนี้บริษัทคาดว่าสินเชื่อส่วนบุคคลจะเติบโตในระดับ 5-7% โดยที่ครึ่งปีแรกเติบโตไปเพียง 3.3%
ด้านสินเชื่อเคทีซี พี่เบิ้ม แม้ว่าจะมีการเติบโตได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ และได้ปรับลดเป้าพอร์ตสินเชื่อลงมาเหลือ 1 พันล้านบาท จากครึ่งปีแรกมีพอร์ตสินเชื่อเคทีซี พี่เบิ้ม อยู่ที่ 525 ล้านบาท ซึ่งมองว่าการกลับมาฟื้นตัวของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถนั้นยังคงต้องรอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นมากกว่าปัจจุบัน โดยที่คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวและกลับมาเติบโตที่ดีอย่างก้าวกระโดดในปี 66 ประกอบกับการที่เตรียมการทำงานร่วมกับธนาคารกรุงไทย (KTB) ในการช่วยขยายสินเชื่อผ่านสาขาของธนาคารกรุงไทย ซึ่งอาจจะยังคงต้องรอการทำงานเตรียมความพร้อมในการขยายผ่านช่องทางของธนาคารกรุงไทย ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้เคทีซี พี่เบิ้ม เติบโตได้ดีขึ้น
ด้านการออกหุ้นกู้ของบริษัทคาดว่าในช่วง 1-2 เดือนนี้จะยังมีการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ออกมาอีก 1 ชุด วงเงินรวม 3-4 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทยังมองว่าต้นทุนทางการเงินของบริษัทในปีนี้ยังสามารถควบคุมได้ที่ระดัย 2.4-2.5% แม้ว่าแนวโน้มของทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นก็ตาม