นางศิโรบล บุญถาวร ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสการเงินองค์กร บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีการปรับขึ้นค่า Ft โดยล่าสุดเดือนก.ย.-ธ.ค. ปรับขึ้นอีก 68.66 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 93.43 สตางค์ต่อหน่วย จากราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบค่าเชื้อเพลิง ทำให้สามารถสะท้อนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงได้ใกล้เคียงมากขึ้น และหนุนมาร์จิ้นให้ปรับตัวขึ้นได้บ้าง
นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า Glow Energy Phase 5 จะกลับมาเดินเครื่องได้เต็มกำลังการผลิตในครึ่งปีหลังนี้ หลังจากหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนไปเมื่อปีก่อน รวมถึงยังดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับคาดว่าจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรี (XPCL) ในลาวมากขึ้น จากปริมาณน้ำสูงกว่าในปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังจับตามองในเรื่องของราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด ว่ายังเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ รวมถึงบริหารจัดการอย่างเข้มข้น
สำหรับความคืบหน้าของโครงการระหว่างก่อสร้าง ปัจจุบันโครงการหน่วยผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจากกากน้ำมัน (Energy Recovery Unit : ERU) กำลังการผลิต 250 เมกะวัตต์ มีความคืบหน้าการก่อสร้างประมาณ 81.46% และคาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในช่วง ปี 68, โครงการ SPP Replacement มีความคืบหน้าประมาณ 83.76% คาดจะทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในช่วงเดือนต.ค.65 และอีกโครงการในช่วงเดือนธ.ค.65
ส่วนโครงการ Glow Energy Phase 2 อยู่ระหว่างการก่อสร้าง, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในอินเดีย (Avaada Energy Private Limited หรือ AEPL) กำลังการผลิตรวม 4,634 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 42.93%) โดยมีการดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน 23 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 2,859 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง จำนวน 12 โครงการ กำลังการผลิตรวม 1,775 เมกะวัตต์ โดยมีกำหนดการ COD ในปีช่วง 1-2 ปี ข้างหน้า
ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) นอกชายฝั่ง Changfang and Xidao (CFXD) ในไต้หวัน กำลังการผลิต 595 เมกะวัตต์ (GPSC ถือหุ้นในสัดส่วน 25%) มีความคืบหน้าด้านการก่อสร้างโดยรวมประมาณ 45.30% โดยดำเนินการติดตั้งกังหันลมตัวแรกเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ทุกโครงการมีแผนจะเปิดดำเนินการภายในไตรมาส 1/67 อย่างไรก็ตามบริษัทฯ คาดจะสามารถได้รับใบอนุญาตการลงทุนในโครงการ CFXD จากหน่วยงานภาครัฐของไต้หวัน ในไตรมาส 4/65 ซึ่งจะมีมูลค่าลงทุนรวม 1.4 หมื่นล้านบาท ส่วนการลงทุนอื่นๆ ก็จะมีในโครงการ SPP Replacement ราว 4,000 ล้านบาท