นายปาลธรรม เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส วาณิชธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ. พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนของ PCC เป็นที่เรียบร้อย
โดย PCC ได้ยื่นเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 307,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็น 25.03% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มอุตสาหกรรม: ทรัพยากร/พลังงานและสาธารณูปโภค
PCC ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ประกอบด้วยสายธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ดังนี้ 1. กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายไฟฟ้า งานบริหารโครงการ งานบริการ งานบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าทั้งแรงต่ำและแรงสูงขนาดไม่เกิน 115 kv และระบบบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพ (Power Distribution & Energy Management System) 2. กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง พร้อมผลิตติดตั้งระบบควบคุมสำหรับระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ และผลิตมิเตอร์อัจฉริยะ (Intelligent Grid) และ 3. กลุ่มธุรกิจลงทุนผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และผลิตเชื้อเพลิงจากพืชพลังงาน และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (Renewable Energy)
สำหรับผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯในช่วง 3 ปี (ปี 62-64) มีรายได้รวม 3,931.26 ล้านบาท 4,054.89 ล้านบาท 3,638.63 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 342.24 ล้านบาท 279.96 ล้านบาท 228.32 ล้านบาท ตามลำดับ และงวดบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม ปี 64 - 65 บริษัทฯมีรายได้รวม 693.77 ล้านบาท และ 783.77 ล้านบาท บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 21.41 ล้านบาท และ 72.46 ล้านบาท ตามลำดับ
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ PCC เปิดเผยว่า แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ด้วยวิสัยทัศน์ขององค์กร "จุดพลังแห่งความรุ่งเรืองร่วมกัน" อีกทั้งการระดมทุนในครั้งนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดความสำเร็จของ PCC อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯยังมุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจโซลูชั่นครบวงจรของ Smart Grid, อุตสาหกรรม 4.0 ตลอดจนพัฒนาพลังงานทดแทน พลังงานชีวภาพ เพื่อสร้างสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม และการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน
สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการในอนาคต, เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน และนำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน