นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร กรรมการ บมจ.กฤษดามหานคร(KMC) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคงจะพัฒนาโครงการต่อเนื่องถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่แข็งแกร่งในด้านเงินทุนที่รอจากพันธมิตร เนื่องจากการเจรจายังไม่มีความชัดเจน ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้คอนโดมิเนียมเพิ่มเป็น 60%ในปีนี้ จากเดิมอยู่ที่ 40% แต่ยังขอประเมินสถานการณ์ตลาดรวมก่อนกำหนดแผนเปิดโครงการใหม่ พร้อมปรับกลยุทธเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้หลากหลายขึ้น
"บริษัทจะเดินหน้าเจรจาหาพันธมิตรใหม่จากต่างประเทศเข้ามาร่วมทุนต่อในปีนี้ ที่ผ่านมามีการหารือ 2-3 รายโดยรายหนึ่งเป็นกลุ่มทุนจากประเทศแถบเอเชีย ซึ่งได้เสนอเงื่อนไขร่วมทุนเดียวกับที่เสนอให้กลุ่ม SOPHAST INTERCORP. แต่ก็ยังไม่ได้สรุปอะไร คงต้องคุยกันต่อ แต่ไม่ใช่จะมานั่งรอ เราก็เติบโตภายใต้ที่เราทำได้แม้จะช้ากว่ารายอื่น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าการมีพันธมิตรจะทำให้เราแข็งแกร่งได้เร็ว"นายวิรัตน์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายวิรัตน์ กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากโครงการประเภทคอนโดมิเนียมเป็น 60% ในปีนี้จากปัจจุบันมีสัดส่วน 40% โดยมีแผนจะเปิดโครงการ"เดอะคริส"เฟสใหม่อีก 2 อาคาร ๆ ละ 300 กว่าล้านบาทที่ตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจากับสถาบันการเงินในการปล่อยเงินกู้ก่อนที่จะพิจารณาลงทุน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทคงจะเปิดโครงการในปีนี้คงไม่มากเพราะอยู่ภายใต้การเจรจากับเจ้าหนี้ แต่เบื้องต้นคงจะเห็นการเปิดโครงการใหม่ 1 โครงการ คือ " โครงการเดอะคริส เอ็กซ์เพรส 2"รัชดา 19 มูลค่าโครงการ 170-180 ล้านบาท และที่เหลือจะเป็นการขยายเฟสใหม่ในโครงการเดิม
ขณะนี้บริษัทก็อยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงสภาพคล่องจากยอดขายโครงการของบริษัท ก่อนที่จะพิจารณาเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 1 โครงการ หากโครงการ" โครงการเดอะคริส เอ็กซ์เพรส 2"ที่เปิดตัวไปมียอดจองกว่า 70% ของมูลค่าโครงการก็จะพิจารณาเปิดโครงการแห่งที่ 2
นายวิรัตน์ กล่าวว่า บริษัทได้มีการปรับกลยุทธทางธุรกิจ โดยในช่วงต้นปีได้มีการปรับขนาดบ้านให้มีขนาดเล็กลงทั้งแนวราบและแนวสูงเพื่อรักษายอดขายในปี 51 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 พันล้านบาท จากปี 50 ที่ยอดขายอยู่ในระดับ 1 พันล้านบาท ซึ่งปีก่อนพลาดเป้าหมาย
ทั้งนี้ ในการปรับขนาดบ้านให้เล็กลงจะเป็นการปรับในเฟสใหม่หรือโครงการที่เปิดใหม่จะทำให้ระดับราคาขายลดลงมาด้วยจากระดับราคาบ้านจะอยู่ที่ 5 ล้านบาทขึ้นไปมาอยู่ที่ประมาณ 3-4 ล้านบาทเพื่อให้เข้าถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคตามภาวะตลาด และยังเป็นการรองรับความต้องการของลูกค้าระดับกลางที่เพิ่มขึ้น และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายจากช่วงต้นปีที่เพิ่มขึ้นประมาณ 15%
นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้ทิศทางอสังหาปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากมาตรการภาษีของภาครัฐที่ออกมากระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์โดยตรง น่าส่งให้ผู้บริโภคตัดสินใจในการซื้อบ้านเร็วขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่ชะลอไป ประกอบกับการปรับขนาดบ้านลงส่งผลให้ยอดขายในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นมียอดขายประมาณ 300-400 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นประมาณ 40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับโครงการเดอะคริส เอ็กซ์เพรส 2 รัชดา 19 มูลค่าโครงการ 170-180 ล้านบาทคงจะไปรับรู้รายได้ปีหน้าส่วนปีนี้จะเป็นการรับรู้รายได้จากโครงการเก่าและเฟสใหม่ที่จะขยายเพิ่ม ทั้งโครงการเดอะคริส เอ็กซ์เพรส รัชดา 17 ที่ในช่วงปลายปีก่อนได้ขยายเฟสที่ 3 ส่วนในเฟสที่ 2 คาดว่าจะสามารถโอนในช่วงไตรมาส 2/51 ประมาณ 300 ล้านบาท และจะขยายเฟสโครงการกฤษดาแกรนด์ พาร์ค รังสิต 42 ซึ่งเป็นแนวราบที่ยังมีแลนด์แบงก์เหลืออยู่ประมาณ 80 ไร่จากพื้นที่ประมาณ 100 กว่าไร่
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/นิศารัตน์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--