นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้มีการศึกษา พร้อมทำงานในการปรับกฎเกณฑ์ในตลาดทุนต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกต่อภาคธุรกิจในทุกภาคส่วน สามารถช่วยลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นให้กับภาคธุรกิจในการเข้ามาระดมทุนในตลาดทุน พร้อมกับการช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจในกลุ่มสตาร์อัพ และเอสเอ็มอี สามารถเข้าถึงการระดมทุนในตลาดทุน ซึ่งเป็นช่องทางการระดมทุนที่เหมาะสม ทำให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงตลาดทุนได้อย่างสะดวก และระดมทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับภาคธุรกิจ
ตลาดทุนไทยยังคงต้องมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และรวดเร็วมากขึ้นในปัจจุบัน จากการที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา ซึ่งตลาดทุนไทยเองก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย ซึ่งก.ล.ต.ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับความท้าทาย เพื่อยกระดับและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้กับตลาดทุนไทย
ขณะที่ในภาคของประชาชนได้สามารถเข้าถึงการลงทุนในตลาดทุนได้อย่างสะดวกขึ้น เพื่อวัตถุประสงค์ของก.ล.ต.ที่มุ่งหวังในการให้ประชาชนทุกระดับมีการลงทุนในระยะยาว เพื่อการเข้าถึงโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในสินทรัพย์ต่างๆในตลาดทุนในแต่ละสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับนักลงทุนแต่ละราย
"ก.ล.ต. ได้มีการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มความสะดวกต่างๆในตลาดทุน เพื่อทำให้ตลาดทุนไทยสามารถเผชิญกับความท้าทายหลากหลายด้านที่เข้ามา และทำให้ตลาดทุนไทยมีการปรับโครงสร้าง เพื่อสามารถยกระดับตลาดทุนไทย และช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน" นางรื่นวดี กล่าว
นางสิริวิภา สุพรรณธเนศ รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ในหลายปีที่ผ่านมาเทคโนโลยีมีส่วนเข้ามาในการใช้ชีวิตของคนในหลายๆด้าน ทั้งการติดต่อสื่อสาร การทำงาน การซื้อสินค้า การใช้บริการทางการเงิน การใช้บริการด้านการลงทุน เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องความสะดวก ความรวดเร็ว และเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น โดยมีต้นทุนในการใช้งานที่ลดลง
สำหรับเทคโนโลยีกับตลาดทุนมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆเกิขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพจะเป็นผลดีทำให้ภาคธุรกิจและผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดทุนได้อย่างรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น ก.ล.ต.จึงมีความจำเป็นที่ต้องศึกษาและพัฒนาประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ามาใช้ในตลาดทุน เพื่อให้เกิดบริการและสินค้าใหม่ๆในตลาดทุนให้มากยิ่งขึ้น เพื่อทำให้การระดมทุนในตลาดทุนมีความหลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยปัจจุบันการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการลงทุนรูปแบบใหม่ที่ทางก.ล.ต.ได้มีการผลักดันออกมา ได้แก่ การระดมทุนแบบ Crowdfunding และการระดมทุนแบบ ICO ซึ่งเป็นช่องทางการระดมทุนที่สามารถเปิดโอกาสให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอี สามารถเข้าถึงการระดมทุนในตลาดทุนได้สะดวก และง่ายมากขึ้น มีต้นทุนในการระดมทุนที่ต่ำลง ขณะที่ผู้ลงทุนเองก็มีทางเลือกในการลงทุนที่เพิ่มเข้ามามากขึ้น สามารถช่วยในการกระจายการลงทุน จากการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้
"เราได้เห็นถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งได้นำไปไว้ในแผนยุทธศาสตร์ 65-67 ของก.ล.ต. ที่นำเทคโนโลยีหรือดิจิทัลเข้าใช้ในตลาดทุน เราจะส่งเสริมให้เกิดการระดมทุนแบบดิจิทัล ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม สร้าง Ecosystem ให้เอื้อต่อการระดมทุนแบบดิจิทัล เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับการระดมทุนและการลงทุนในตลาดทุน" นางสิริวิภา กล่าว
ปัจจุบันการระดมทุนด้วยรูปแบบดิจิทัลด้วย Crowdfunding ที่ระดมทุนเป็นหุ้นหรือหุ้นกู้ ตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นมาถึงเดือนก.ค. 65 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่ารวมถึงเดือนก.ค. 65 มีมูลค่าการระดมทุนด้วย Crowdfunding รวมกว่า 3.45 พันล้านบาท จำนวน 227 ราย ในกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจการเงินที่เกี่ยวขอ้งกับการให้สินเชื่อ Pico Finance ธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์ม และธุรกิจเพื่อชุมชน ซึ่งปัจจุบันมี Crowdfunding Portal ที่ได้รับอนุญาตจากก.ล.ต.ให้บริการแล้ว 8 ราย
ขณะที่การระดมทุนด้วย ICO ปัจจุบันยังมีผู้สนใจระดมทุนด้วย ICO ที่อยู่ระหว่างการการือกับก.ล.ต. จำนวน 15 ราย ซึ่งเป็น ICO ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน เช่น การนำอสังหาริมทรัพย์มาใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน การนำโรงงาน เครื่องจักร แฟรนไชส์ร้านค้า มาเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน และการนำรายได้จากการขายไฟของโรงไฟฟ้ามาเป็นกระแสเงินสดในการให้ผลตอบแทนกับผู้ถือ Token
ในช่วงทีผ่านมาได้มี ICO ที่มีการระดมทุนสำเร็จแล้ว 2 ราย ได้แก่ SiriHub Token มูลค่า 2.4 พันล้านบาท ซึ่งมีโครงการอาคารสำนักงานให้เช่าเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน และ Destiny Token มูลค่า 256 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนในรูปแบบ Project Based ที่มีการให้ผลตอบแทนตามเงื่อนไขจอง Token แต่ละประเภทที่ผู้ลงทุนเลือกลงทุน