บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด แถลงว่า สืบเนื่องจากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดกรณีซื้อเหรียญ KUB โดยอาศัยข้อมูลภายในนั้น บริษัทขอแจ้งว่านายสำเร็จ วจนะเสถียร ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี (Chief Technology Officer : CTO) ตามปกติจนกว่าจะเกิดความชัดเจนในกระบวนการทางกฎหมาย
จากกรณีดังกล่าวบริษัทขอยืนยันว่า บริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ตลอดจนการพัฒนาเครือข่าย Bitkub Chain และการดำเนินการของบริษัท ไม่ได้รับผลกระทบกับเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาและต่อไปในอนาคต บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเครือข่าย Bitkub Chain ตามแผนงานที่ได้ให้คำมั่นสัญญากับสาธารณะชนดังที่นำเสนอผ่านเอกสาร Whitepaper ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้ Bitkub Chain เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัลที่แข็งแรงของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับเครือข่ายบล็อกเชนชั้นนำระดับโลก ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าถึงได้และสร้างประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียม และโปร่งใสต่อไป
ขณะที่นายสำเร็จ โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ส่วนตัว ชี้แจงว่าตามข้อกล่าวหาของ ก.ล.ต.ว่าได้เข้าซื้อเหรียญ KUB ระหว่างวันที่ 4 ก.ย.64-2 พ.ย.64 โดยอาศัยข้อมูลภายในนั้น ตนเองรู้กฎหมายเรื่องอินไซด์เดอร์ เทรดดิ้ง เป็นอย่างดี ก่อนหน้าที่จะเข้าซื้อเหรียญ KUB ดังกล่าว ได้ทำโปรเจ็คต์ Morning Moon จึงไม่สามารถซื้อเหรียญ KUB ได้ แม้ขณะนั้นจะราคาต่ำกว่า 30 บาท จนกระทั่งโปรเจ็คต์จบลงจึงได้เข้าซื้อที่ราคา 30-32 บาท ส่วนก่อนหน้านี้ก็ซื้อเพื่อแลกเป็นค่าธรรมเนียมการเทรดใน Exchange ทันที
ช่วงเวลาที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษดังกล่าว ตนเองเป็นผู้บริหาร BBT ซึ่งเป็นคนละบริษัทกับ Exchange และยืนยันว่าไม่รู้เรื่องดีลระหว่าง บิทคับ และ บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ไม่เช่นนั้นคงขายเหรียญ WAN, SNT, BNB, Ethereum ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 4 ล้านบาทเพื่อนำเงินมาลงกับ KUB ทั้งหมด ขณะที่จำนวนเงินลงทุนใน KUB ก็ใกล้เคียงกับเหรียญอื่นๆ โดยมีอยู่ 60,000 KUB
นายสำเร็จ มองว่าการเข้าซื้อเหรียญตรงกับเวลาที่เจรจาดีลเป็นความบังเอิญ ซึ่งการซื้อเหรียญ KUB มีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนระยะยาว เพราะจนถึงวันนี้ยังไม่ได้ขายเหรียญ KUB ดังกล่าวเพื่อทำกำไร แต่มีส่วนหนึ่งนำไปแลกค่าธรรมเนียมการเทรดใน Exchange เท่านั้น ดังนั้น จึงจะขอต่อสู้ในกระบวนการทางกฎหมายต่อไป