นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลก จากความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และ จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเป็นระยะเวลานาน
ทั้งนี้ นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ระบุว่าเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้อยู่เหนือระดับ 4% ภายในต้นปี 66 และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง นอกจากนี้ ยังส่งสัญญาณว่าเฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าด้วย ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น และ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง
พร้อมให้แนวรับที่ 1,630 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,625 จุด ด้านแนวต้านให้ไว้ที่ 1,645-1,650 จุด
ขณะที่ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นวันนี้คาดว่าจะแกว่งตัวออกข้างแต่น่าจะอิงทางลงก่อนในกรอบ 1,625-1,645 จุด ท่ามกลางแรงกดดัน อาทิ 1) ราคาน้ำมันดิบ WTI ลงต่อเนื่องกว่า 2.28% หลุด 90 ดอลลาร์/บาร์เรลอีกครั้งจากความกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัวหลังหลายเมืองใหญ่เพิ่มความเข้มงวดควบคุมโควิด 2) การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดและ ECB ต่อสู้กับเงินเฟ้อ 3) การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนหลังตัวเลขภาคการผลิตยังสะท้อนภาพหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และ 4) ภูมิศาสตร์การเมืองยังระอุทั้งจีน-ไต้หวันท่ามกลางการซ้อมรบของจีน และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังดำเนินต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ด้านปัจจัยบวกที่จะช่วยประคองการย่อตัวของตลาดน่าจะมาจากภายในมากกว่า โดยความคาดหวังการฟื้นตัวของภาคการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยวจะช่วยประคองการอ่อนตัวของตลาดได้บ้าง ท่ามกลางแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่เข้าซื้อตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นต่อกันเป็นวันที่ 2
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (31 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด 31,510.43 จุด ร่วงลง 280.44 จุด หรือ -0.88%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,955.00 จุด ลดลง 31.16 จุด หรือ -0.78% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,816.20 จุด ลดลง 66.93 จุด หรือ -0.56%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,797.00 จุด ลดลง 294.53 จุด หรือ -1.05%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,761.72 จุด ลดลง 192.67 จุด หรือ -0.97% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,196.54 จุด ลดลง 5.60 จุด หรือ -0.17%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 ส.ค.65.) ที่ระดับ 1,638.93 จุด ลดลง 0.52 จุด, -0.03%
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,117.64 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ส.ค.65
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.(31 ส.ค.) ร่วงลง 2.09 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 89.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 ส.ค.) อยู่ที่ 4.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.65 แนวโน้มอ่อนค่า หลังบอนด์ยิลด์สหรัฐสูงหนุนดอลลาร์แข็งค่า
- ธปท.ชี้เงินบาท "อ่อนค่า" ภาวะปกติตามภูมิภาค หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ คาดหากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ช่วยพยุงค่าเงิน มั่นใจเงินทุนไม่ไหลออก ขณะที่ภาพเศรษฐกิจ ก.ค. ชะลอลง จากเดือนก่อนหน้า หลังค่าครองชีพพุ่ง กดบริโภคดิ่ง
- "คลัง" เล็งต่ออายุ มาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลถึงสิ้นปี 65 คาดลด 5 บาททำสูญรายได้ 6,000-30,000 ล้าน "พลังงาน" ชี้ลดภาระกองทุนน้ำมัน อุ้มผู้ใช้ วันละกว่า 400 ล้าน ติดลบแล้ว 119,764 ล้าน หวั่นหน้าหนาวราคาพลังงานพุ่ง หวังสถาบันการเงินอนุมัติเงินกู้ก้อนแรก 30,000 ล้าน
- 1 ก.ย.ขึ้นค่าก๊าซหุงต้มอีก 1 บาท/กก. ดันถัง 15 กิโล ราคา 408 บาท คลังจ่อถกพลังงานขยายเวลามาตรการลดภาษีดีเซลถึงสิ้นปี กบน.ยังตรึงดีเซลลิตรละ 35 บาท ดีเดย์ 5 ก.ย.-19 ต.ค. ลงทะเบียนคนจนรอบใหม่
*หุ้นเด่นวันนี้
- THCOM (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 11.50 บาท เดินหน้าประมูลคลื่น ธ.ค.เป้าหมายหลักที่วงโคจร 119.5E/120E ทดแทน THCOM4 ที่กำลังจะหมดอายุในอีก 3-4 ปีและปลดล็อค Capacity ขยายฐานลูกค้าโซนอินเดีย หลังปรับโครงสร้างรายได้ (สิ้นสุดสัมปทาน Q3/64 นับตั้งแต่ปี 65 ผลประกอบการหลักเริ่ม Turn around ส่วนการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นมาใหม่จากกลุ่ม GULF (ผ่าน INTUCH) ทิศทางการลงทุนจะ Aggressive ขึ้นมุ่งเน้นการเติบโต Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 เฉลี่ยที่ 431 ลบ. และ 254 ลบ. +200%YoY, -41%YoY ตามลำดับ
- SCGP (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 62 บาท ผลกำไรทยอยฟื้นตัว โดยไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 1,856 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 11.9%qoq ขณะที่ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาพลังงานที่ลดลงคาดหนุน GPM เพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจ E-Commerce ยังขยายตัวเป็นบวกต่อธุรกิจ Packaging ของ SCGP
- ICHI (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.10 บาท ครึ่งปีหลังปี 65 แนวโน้มสดใสรับ Reopening ทั้งใน/ต่างประเทศ และแผนออกเครื่องดื่มใหม่ อย่าง เย็นเย็นรสบ๊วย+ สมุนไพร /ICHITAN No Sugar/เครื่องดื่มอัดก๊าซ (CSD) แบรนด์ TANSUNSU/ น้ำด่าง 8.5+CBD ขณะที่ธุรกิจในอินโดนีเซียคาดปรับตัวได้ดีต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ปรับแผนงานรวมถึงการเตรียมส่งสินค้าใหม่บุกตลาดในกลุ่มชาไทย/กาแฟโคลด์บริว และขั้นถัดไปนำชาไทยจากอิชิตัน อินโดนีเซีย ขยายไปเปิดตลาดฟิลิปปินส์ ตลาดคาด EPS ปี 65 และปี 66 ขยายตัวต่อเนื่องจากปี 64 ที่ 0.42 บาท/หุ้น มาที่ 0.43 บาท/หุ้นและ0.49 บาท/หุ้น ตามลำดับ