ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 120.40 จุดหลัง GDP สหรัฐอ่อนแอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 28, 2008 06:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2550 ที่อ่อนแอ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากแรงขายที่ส่งเข้ากระหน่ำหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัทออราเคิล คอร์ป เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ร่วงลงเกินคาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 120.40 จุด หรือ 0.97% แตะระดับ 12,302.46 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 15.37 จุด หรือ 1.15 % แตะระดับ 1,325.76 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 43.53 จุด หรือ 1.87% แตะระดับ 2,280.83 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.43 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 3 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.04 พันล้านหุ้น
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2550 ขยายตัว 0.6% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ ส่วนตัวเลขจีดีพีตลอดปี 2550 ขยายตัว 2.2% ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2545
เดวิด โรเวลลี นักวิเคราะห์จากบริษัทคาแนคคอร์ด อดัมส์ กล่าวว่า "แม้ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ออกมาสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ แต่จีดีพีตลอดปี 2550 อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในระยะใกล้นี้อย่างแน่นอน ความวิตกกังวลในเรื่องนี้ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มการเงิน"
หุ้นเมอร์ริล ลินช์ ร่วงลง 5.7% หลังจากนักวิเคราะห์ของแซนฟอร์ด ซี เบิร์นสไตน์ คาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาสแรกของเมอร์ริลอาจจะลดลงมากที่สุดในบรรดาวาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากข่าวที่ว่า เมริดิธ วิทนีย์ นักวิเคราะห์ด้านการธนาคารจากโอเพนไฮเมอร์คาดว่า เมอร์ริล ลินช์ จะขาดทุน 3 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาสแรก และคาดว่าเมอร์ริล ลินช์ จะปรับลดมูลค่าทางบัญชีเพิ่มขึ้นเป็น 6 พันล้านดอลลาร์ จากเดิม 2 พันล้านดอลลาร์
ส่วนหุ้นแบร์ สเติร์นส์ ดิ่งลง 5.2% หลังจากมีรายงานว่า เจมส์ เคย์น ประธานแบร์ สเติร์นส์ได้ขายหุ้นแบร์ สเติร์นส์เป็นเงินมูลค่า 61.3 ล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกกระหน่ำขายอย่างหนักหลังจากบริษัทออาราเคิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์ เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ร่วงลงเกินคาด และหลังจากมีรายงานว่ารายได้จากธุรกิจอินเตอร์เน็ตของกูเกิลอาจปรับตัวลดลง ทั้งนี้ หุ้นออราเคิลร่วงลง 7.2% และหุ้นกูเกิลดิ่งลง 3.1%
หุ้นโบอิ้งร่วงลง 2.7% หลังจากนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปปรับลดราคาเป้าหมายราคาหุ้นโบอิ้งหมายลงจากระดับ 78 ดอลลาร์ สู่ระดับ 68 ดอลลาร์
ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงคือราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น 1.68 ดอลลาร์ แตะระดับ 107.58 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลผลิตน้ำมันในอิรักหลังจากเกิดเหตุลอบวางระเบิดท่อส่งน้ำมันหลักภายในประเทศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ