นายทัตซึยะ โคโนชิตะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. กรุ๊ปลีส (GL) เปิดเผยว่า ศาลฎีกาได้รับพิจารณาคดีที่บริษัทเรียกร้องค่าเสียหายจาก บริษัท เจทรัสต์ เอเชีย พีทีอี จำกัด (JTA) เป็นจำนวน 685 ล้านบาท จากกรณีที่ JTA มีเจตนาที่ไม่สุจริตในการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทในประเทศไทย
นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวของศาลฎีกายังส่งผลดีต่อคดีอื่นที่กำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาคดี รวมถึงคดีแพ่งคดีที่ 2 ที่บริษัทฟ้อง JTA เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนมากกว่า 9,130 ล้านบาท และคดีอาญาที่บริษัทฟ้อง JTA และกรรมการ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณา
โดยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 ศาลแพ่งพิพากษาว่า JTA กระทำการไม่สุจริต โดยยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัทในประเทศไทย ศาลยังพิพากษาว่าการกระทำดังกล่าวของ JTA ทำให้เกิดความเสียหายและได้มีคำสั่งให้ JTA จ่ายเงิน 685 ล้านบาท รวมทั้งค่าทนายให้แก่บริษัท หลังจากที่มีคำพิพากษาดังกล่าว JTA ได้ยื่นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้ JTA เป็นฝ่ายชนะคดี โดย JTA ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินให้แก่บริษัท บริษัทเห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จึงได้ยื่นคำร้องขอฎีกาต่อศาลฎีกาเพื่อให้มีคำพิพากษาคดีถึงที่สุด
ด้านนายริกิ อิชิกามิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GL กล่าวว่า เดิมทีบริษัทได้ดำเนินดคีแพ่งต่อ JTA เนื่องจาก JTA พยายามให้บริษัทเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการอย่างไม่เข้าหลักเกณฑ์ แม้จะเห็นได้ชัดเจนว่าบริษัทไม่ได้เข้าองค์ประกอบในเกณฑ์ที่จะต้องฟื้นฟูกิจการ ซึ่งในวันที่ 15 สิงหาคม 2562 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องที่ JTA ยื่นขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทเป็นครั้งที่สอง โดยศาลตัดสินให้มีคำสั่งยกคำร้อง เพราะพิจารณาปัจจัยสามประการ ดังนี้:
1. จำนวนหนี้สิ้นของบริษัทที่มีต่อ JTA
2. จำนวนทรัพย์สินของบริษัทเทียบกับหนี้สินของบริษัท
3. ความสามารถของบริษัทในการดำเนินกิจการ
เมื่อพิจารณาจากปัจจัย 3 ประการดังกล่าวแล้ว ศาลจึงได้ตัดสินว่า จำนวนเงินที่ JTA เรียกร้องว่าบริษัทเป็นหนี้ JTA นั้น ยังไม่ถึงกำหนดชำระแน่นอน, บริษัทมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน จึงไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว และสุดท้าย บริษัทสามารถดำเนินกิจการได้ตามปกติ จึงมีคำสั่งยกคำร้องของ JTA