บล.พาย (Pi) ประเมินกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ทั้งสัปดาห์ 1,600-1,640 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะลดพอร์ตการลงทุน เนื่องจากช่วงถัดไปยังถูกกดดันจากปัจจัยเงินเฟ้อทรงตัวสูงหนุนดอกเบี้ยเร่งขึ้น
ทั้งนี้ ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบต่อเนื่องอีกราว 1% นักลงทุนกลับมากังวลกับการหยุดจำหน่ายก๊าซของทางรัสเซียหลังบริษัท GAZPOM ประกาศหยุดจำหน่ายก๊าซอย่างไม่มีกำหนดเนื่องจากติดขัดปัญหาบางประการ แม้สหรัฐฯจะรายงานภาคแรงงานเริ่มเห็นสัญญาณอ่อนแอก็ตาม
สัปดาห์นี้ประเมินปัจจัยกระทบการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ได้แก่ (1) การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทยประจำเดือน ส.ค. ในวันจันทร์ Bloomberg คาดการณ์ 7.9%YoY อย่างไรก็ตามมองว่าหากรายงานสูงกว่าคาดการณ์ก็มองผลกระทบต่อการลงทุนจำกัด เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันเริ่มปรับลดลงมาแล้ว แรงกดดันเงินเฟ้อหลังจากนี้จึงน่าจะเบาบางลง
(2) การประชุม OPEC+ วันจันทร์ เบื้องต้นเริ่มมีรายงานออกมาว่าจะเห็นการปรับลดกำลังการผลิต
(3) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีให้แถลงข้อมูลในวันพฤหัสบดีช่วงกลางคืนตามเวลาประเทศไทย คาดว่าตลาดจะไปจับตารอดูความเห็นของประธานเฟดต่อทิศทางเงินเฟ้อและดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่เริ่มเห็นการอ่อนแรง ด้านความเห็นล่าสุดของ CME FED WATCH ระบุว่าความน่าจะเป็นที่จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% อยู่ที่ 56% ลดลงจากก่อนหน้าที่ 75% ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% เพิ่มขึ้นเป็น 43% จากเดิม 25% สะท้อนถึงความเห็นตลาดต่อทิศทางดอกเบี้ยที่เบาบางลงหลังจากสหรัฐฯเปิดเผยภาคแรงงานที่เห็นสัญญาณอ่อนแอ
อย่างไรก็ตามปัจจัยภาคแรงงานสหรัฐฯอ่อนแอมองเป็นเพียงปัจจัยหนุนระยะสั้นมากกว่า ยังมองว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯยังทรงตัวระดับสูงเนื่องจาก (1) แม้อัตราการว่างงานสหรัฐจะเพิ่มขึ้นแต่ระดับดังกล่าวยังค่อนข้างต่ำ หนุนการบริโภคในสหรัฐยังคงร้อนแรง (2) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์แม้จะปรับลดลงมาบ้างแต่ยังอยู่ในราคาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น หากตลาดฟื้นตัวจากประเด็นผ่อนคลายดอกเบี้ยระยะสั้นยังมอง Upside จำกัด
ส่วนหุ้นแนะนำยังเน้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวลง อาทิ โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF) และ (SCC SCGP TOA) รวมถึงกลุ่ม Domestic อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME GLOBAL) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) โรงพยาบาล (BCH)
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.25 บาท)ในช่วง Q3/65 คาดว่ารายได้จะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปีก่อนเพราะ 1.รวมงบโลตัสเข้ามา 2.ไม่มีล็อกดาวน์ ส่วนการเทียบกับ Q3/65 อาจจะออกมาแค่ทรงตัวเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน
BCH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท) คาดกลุ่มประกันสังคมจะยังแข็งแกร่งใน H2/65 และหลังจากนั้น หนุนจากฐานผู้ประกันตนจำนวนมากที่ 9.96 แสนราย และการเพิ่มงบของสำนักงานประกันสังคม