โบรกเกอร์เห็นพ้องแนะนำ "ซื้อ" หุ้น บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) คาดผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังฟื้นตัวต่อเนื่อง และจะกลับมามีกำไรสุทธิในปี 66 รับความต้องการเติมน้ำมันอากาศยานฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากหลายประเทศคลายมาตรการปิดเมือง (Lockdown) และสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังสถานการณ์คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศกลับมาเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อภาคเหนือยังคงเป้าหมายไว้ที่ 500 ล้านลิตร เนื่องจากบริษัทได้ลูกค้ารายใหม่ รวมไปถึงยังรับอานิสงส์การเดินทางภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนุนผลขาดทุนลดลง และเชื่อว่าเข้าใกล้ถึงจุดคุ้มทุนในอนาคต
ราคา BAFS ปิดเช้าอยู่ที่ 29.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+0.86%) ขณะที่ดัชนี SET ลบ 0.31%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
พาย ซื้อ 33.00
ดาโอ(ประเทศไทย) ซื้อ 35.00
หยวนต้า(ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 35.00
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) (DAOL) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการของ BAFS ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขาดทุนลดน้อยลงมากในปี 65 ก่อนจะกลับมามีกำไรสุทธิได้ในปี 66 ปัจจัยหนุนมาจากธุรกิจหลัก คือ การเติมน้ำมันอากาศยานที่มีสัดส่วนรายได้สูงถึง 70% เนื่องจากหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการการเดินทางหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศมากขึ้น และ การเดินทางท่องเที่ยวของประชาชนในประเทศก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ในปี 65 คาดว่าปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS จะมากกว่า 3,000 ล้านลิตร เติบโตไม่ต่ำกว่า 83% จากปี 64 และคาดว่าในปี 66 จะมีการเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 40% โดยล่าสุดปริมาณการเติมน้ำมันอยู่ที่ 9 ล้านลิตร/วัน สูงกว่าจุดคุ้มทุนที่ 8.3 ล้านลิตร/วันไปแล้ว
ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวและการบิน หลังจากรัฐบาลยกเลิกการลงทะเบียน Thailand pass ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมาและคาดว่าจะประกาศให้ไวรัสโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นในไตรมาส 4/65 รวมไปถึงการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ของประเทศต่างๆ โดยคาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 2 พันล้านลิตร หรือเติบโต 92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อภาคเหนือ แม้ปริมาณในช่วงครึ่งปีแรกจะอยู่ที่เพียง 196 ล้านลิตร แต่บริษัทยังคงเป้าหมายทั้งปีไว้ที่ 500 ล้านลิตร เนื่องจากบริษัทได้ลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่มอีกรายหนึ่ง รวมไปถึงยังมีอานิสงส์จากการเดินทางในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะหนุนให้ช่วงครึ่งปีหลังเติบโตเร่งตัวขึ้น
สำหรับแผนธุรกิจเติมน้ำมันอากาศยานในสนามบินอู่ตะเภา คาดจะเห็นความคืบหน้ามากขึ้นในปี 66 โดยปัจจุบัน UTA (บริษัทร่วมทุนระหว่าง BA,BTS,และ STEC) อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการก่อสร้าง
ด้านนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากการที่ประเทศไทยได้ดำเนินนโยบายเปิดประเทศ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยหนุนให้จำนวนเที่ยวบิน และ ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานปรับสูงขึ้นมากกว่าจุดคุ้มทุนไปแล้ว
ขณะที่ธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อภาคเหนือ เริ่มมีปริมาณการใช้การขนส่งจำนวนมากขึ้น ทำให้ผลขาดทุนค่อยๆ ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เหลือแค่เพียงรอผู้ประกอบการต่างๆ เข้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เข้าสู่จุดคุ้มทุน
สำหรับราคาหุ้น BAFS เมื่อเที่ยบกับหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง และ กลุ่มสายการบิน ถือว่าราคายังปรับขึ้นมาไม่มากเท่ากับกลุ่มหุ้นอื่นๆ ที่ขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว
ส่วน บล.พาย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลประกอบการของ BAFS คาดว่าจะสามารถกลับมาทำกำไรได้ครั้งแรกตั้งแต่เกิดโควิด-19 ในไตรมาส 4/65 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นกลับมาเฉลี่ย 1.5 ล้านคน/เดือนหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ โดยปริมาณเติมเชื้อเพลิงอากาศยานเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 800-900 ล้านลิตร/ไตรมาส หรือราว 60% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19
ในด้านธุรกิจท่อส่งเชื้อเพลิงยังสามารถแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากการขนส่งภาคพื้นดินได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ธุรกิจท่อยังห่างไกลจากจุดคุ้มทุน ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 67 เมื่อปริมาณการขนส่งแตะ 1,600-1,700 ล้านลิตร/ปี เทียบกับ 196 ล้านลิตร ในช่วงครึ่งปีแรก
โดย สมบูรณ์เกียรติ พานิชเจริญ/ศศิธร ซิมาภรณ์