ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,631.67 จุด เพิ่มขึ้น 9.67 จุด (+0.60%) มูลค่าการซื้อขาย 37,722.22 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวขึ้นตามตลาดภูมิภาคเอเชีย โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,632.99 จุด และระดับต่ำสุด 1,624.92 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก หลังผลการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสมีมติปรับลดกำลังการผลิตเดือน ต.ค.ราว 1 แสนบาร์เรล/วัน สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยการปรับลดรอบนี้เพื่อเตรียมชดเชยอุปทานจากอิหร่านที่มีโอกาสออกมาอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกปรับขึ้นเฉลี่ยราว 2.9% เป็นแรงหนุนต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และพยุง SET ในระยะสั้น
นอกจากนี้ตลาดฯ ยังได้แรงหนุนจากหุ้นที่เกี่ยวกับเทรนด์พลังงาน ทั้งน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวของ เช่น หุ้น GULF จากผลงานไตรมาส 3/65 ที่ยังเติบโตต่อเนื่อง และภาพระยะกลาง-ยาวยังสดใส ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดหุ้นบ้านเราสามารถฟื้นตัวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
แนวโน้มการลงทุนช่วงบ่าย นายวิจิตร คาดว่า ตลาดฯ น่าจะยังยืนในแดนบวกได้ต่อ โดยลุ้นปิดตลาดวันนี้ยืนเหนือ 1,630 จุด โดยให้แนวรับที่ 1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,640 จุด
แนะติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในคืนนี้ และสัปดาห์นี้จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ซึ่งอาจเป็นแรงหนุนให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง และกดดันค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าลงมา
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
GULF มูลค่าการซื้อขาย 4,020.85 ล้านบาท ปิดที่ 54.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,224.89 ล้านบาท ปิดที่ 14.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,439.11 ล้านบาท ปิดที่ 110.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
EA มูลค่าการซื้อขาย 1,295.49 ล้านบาท ปิดที่ 85.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 996.57 ล้านบาท ปิดที่ 151.50 บาท ลดลง 1.00 บาท