นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดการเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ (ครั้งที่ 4/2565) ในวันที่ 8-9 และ 12 ก.ย. 65 แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 68 จ่ายผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.14% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 6.5 ล้านหน่วย ที่ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท รวมมูลค่าไม่เกิน 6,500 ล้านบาท โดยประกอบด้วยหุ้นกู้ที่เสนอขาย 5.5 ล้านหน่วย มูลค่าไม่เกิน 5.5 พันล้านบาท และหุ้นกู้ส่วนสำรองไม่เกิน 1 ล้านหน่วย มูลค่าไม่เกิน 1 พันล้านบาท
หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ A แนวโน้ม คงที่ (Stable) ณ วันที่ 5 ก.ย. 65 โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ตอกย้ำถึงศักยภาพการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่เป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและผู้ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันภัยภายใต้ชื่อ "ประกันติดล้อ" ที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับสองของกลุ่มนายหน้าประกันวินาศภัยที่มุ่งเน้นลูกค้ารายย่อยในประเทศไทย และผลประกอบการที่เติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา โดยจะเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) รวมถึงบล.กสิกรไทย ในฐานะหน่วยงานขาย และบล.เกียรตินาคินภัทร รวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ในฐานะหน่วยงานขาย
"เราคาดว่าการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ที่ต้องการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ ซึ่งจะเสริมศักยภาพด้านเงินทุนเพื่อรับมือแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นและรองรับการดำเนินธุรกิจ โดยจะนำเงินไปชำระคืนหนี้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ" นายปิยะศักดิ์ กล่าว
บริษัทมุ่งมั่นทำผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะมุ่งขยายสาขาใหม่ในปีนี้ให้ได้ 300 สาขา จากช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้เปิดสาขาเพิ่มขึ้นแล้ว 198 สาขา รวมเป็น 1,484 สาขา พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/65 บริษัทได้ออก "บัตรติดล้อ" แล้วเกือบ 400,000 ใบ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า สามารถกดเงินสดตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากตู้เอทีเอ็มธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศกว่า 50,000 ตู้ และมีการใช้งานบัตรติดล้อเพื่อกดเงินในช่วงนอกเวลาทำการของสาขาเงินติดล้ออย่างต่อเนื่องตลอดปี 2564 กว่า 1 ล้านครั้ง
นอกจากนี้จะมุ่งสร้างแบรนด์ "ประกันติดล้อ" เพื่อสร้างการจดจำและขยายพอร์ตธุรกิจนายหน้าประกันภัยเติบโตอย่างต่อเนื่อง และวางเป้าหมายขยายพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนเติบโต 23-28% และเบี้ยประกันวินาศภัยเติบโต 30-35% ในปีนี้ ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 981 ล้านบาท เติบโต 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อนหน้า มีรายได้รวม 3,616 ล้านบาท เติบโต 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อนหน้า