นายชยุตม์ หลีหเจริญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชีและการเงิน บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการแตกไลน์ธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อเป็น New S-Curve ที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนให้มากยิ่งขึ้นในอนาคต คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
ส่วนโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ในธุรกิจผลิตไฟฟ้า บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศที่มีแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงหลากหลาย ทั้ง แสงอาทิตย์, ลม, ไบโอแมส หรือ ขยะ เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 500 เมกะวัตต์ภายในปี 68 จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เปิดดำเนินงานแล้ว 232 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้กลยุทธ์การลงทุนในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในโครงการที่มีโอกาสเติบโต หรือการขายโครงการบางโครงการออกไปเพื่อให้มีเงินทุนกลับคืนมาลงทุนในโครงการใหม่
สำหรับทิศทางผลประกอบการในปี 65 บริษัทคาดว่าครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าปีก่อน แม้ไตรมาส 3/65 จะเป็นช่วงโลซีซั่นของโรงไฟฟ้าพลังงานลมและแสงอาทิตย์ แต่เชื่อว่าจะมีปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าใกล้เคียงกับไตรมาส 2/65 และช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จะกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 4/65 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม และโรงไฟฟ้าพลังงานลมร่มเกล้าวินด์ฟาร์ม กำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ที่บริษัทเข้าลงทุนในสัดส่วน 25% ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลงานปี 65 เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ตามเป้าหมาย
ขณะที่บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO เฟส 2 ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 17 เมกะวัตต์ ซึ่งมีความคืบหน้าตามแผนที่วางไว้ว่าจะสามารถจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ราวไตรมาส 2/67
ส่วนการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม เฟส 2 ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างเตรียมการพัฒนา และโครงการพลังงานลม ทางภาคใต้ของเวียดนาม กำลังการผลิต 110 เมกะวัตต์ ก็อยู่ระหว่างเตรียมพร้อมที่จะพัฒนาในเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ในอินโดนีเซีย ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ราว 20 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีการ Operation ไปแล้ว 22.5 เมกะวัตต์ คาดว่าปี 66 กำลังการผลิตของโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้นไปได้ถึง 100 เมกะวัตต์