นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือน ส.ค.65 พบว่า ดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 116.59 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.2% จากเดือนก่อนหน้ายังคงอยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว"
ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่าการฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าของเงินทุน และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์โรคระบาด COVID-19 รองลงมาคือ นโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และการไหลออกของเงินทุน
ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
- ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (พฤศจิกายน 2565) อยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" (ช่วงค่าดัชนี 80-119) เพิ่มขึ้น 12.2% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 116.59
- ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล และกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์อยู่ในระดับ "ร้อนแรง" ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ และ กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ อยู่ในระดับ "ทรงตัว"
- หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK)
- หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)
- ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยว
- ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ระบาดของ COVID-19
"ผลสำรวจ ณ เดือนสิงหาคม 2565 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มแทบทุกกลุ่มปรับเพิ่มขึ้นโดย นักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 18.3% อยู่ที่ระดับ 127.42 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 12.0% อยู่ที่ระดับ 140.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 39.5% อยู่ที่ระดับ 106.67 ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติทรงตัว อยู่ที่ระดับ 100.00"นายกอบศักดิ์ ระบุ
ในช่วงเดือน ส.ค.65 SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามตลาดโลกจากการที่นักลงทุนคาดว่าเฟดจะดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง รวมถึงการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน SET Index ปรับตัวลงเล็กน้อย หลังเฟดส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อต่อสู้กับสถาณการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญไทยสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตลอดทั้งเดือน ส.ค.65 SET index เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ระหว่าง 1,589.16-1,644.78 และ SET Index ณ สิ้นเดือนปิดที่1,638.93 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4% จากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิกว่า 57,014 ล้านบาท รวมนักลงทุนต่างซาติซื้อสุทธิตลอดปี 65 เป็นมูลค่า 170,743.71 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ สถานการณ์ COVID-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากในหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน รวมถึงนโยบาย Zero-COVID ของจีนที่ยังคงมีการประกาศ Lockdown เป็นระยะ ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางในหลายประเทศโดยเฉพาะเฟด และปัญหาค่าเงินอ่อนลงอย่างมากในกลุ่ม Emerging market
ส่วนปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การเฝ้าระวังการระบาด COVID-19 ในประเทศซึ่งมีเพิ่มขึ้นหลังเปิดให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะส่งผลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคท่องเที่ยว รวมถึงแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ยังสูงจากการที่ราคาอาหารและพลังงานยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง