บมจ.ทุ่งคาฮาเบอร์ (THL) เตรียมเจรจาแบงก์เจ้าหนี้ขยับเพดานราคาทองขึ้นไปตามราคาทองคำในตลาดโลกที่พุ่งทะลุ 1,000 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ไปแล้ว หลังจากที่ขยับเพดานล่าสุดช่วงม.ค.-มี.ค.51 มาที่ 820 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เชื่อจะส่งผลดีต่อผลประกอบการในปี 51 และพลิกมีกำไรได้ ขณะที่ตั้งเป้าผลิตทองคำได้เดือนละ 2,100 ออนซ์ หลังจากนำสินแร่จากเหมือง T-18 ออกมาผลิต พร้อมขยับหาแหล่งทำเหมืองทองใหม่ในต่างประเทศแถบอาเซียน และเล็งโครงการสร้างรถไฟรางคู่เพิ่มยอดขายหิน
พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ กรรมการบริหารและกรรมการบริษัท THL เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี จนขณะนี้สูงขึ้นไปถึง 1,045 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทก็ได้เจรจาแบงก์เจ้าหนี้ขยับเพดานราคาทองจาก 750 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ มาที่ 820 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์แล้ว แต่เมื่อราคาทองในตลาดโลกปรับขึ้นไปอีกก็คงต้องไปเจรจากับธนาคารเจ้าหนี้ต่อไปเรื่อยๆ
"ตอนนั้นราคาไม่ใช่แบบนี้ ตอนนั้นราคา 600 กว่าก็โอเคกำหนดเพดานไม่เกิน 720 แต่ใครจะคิดว่าราคาทองจะเป็น 800-900 ถ้าขึ้นไป 1,000 เราก็ไปเจรจาขยับขึ้นไป ขยับขึ้นไปก็หนีขึ้นไปอีก ก็คงต้องไปเจรจาและการเจรจาด้วยเหตุด้วยผลคิดว่าทางแบงก์ก็ต้องฟังเราคิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันได้ซึ่งช่วง ม.ค.-มี.ค.เพดานอยู่ที่ 820 เหรียญก็จะทำให้รายได้เราดีขึ้น"พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทเชื่อว่าจะพลิกสถานการณ์มาทำกำไรได้จากปีก่อนที่ขาดทุน 147.95 ล้านบาท จากราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น และปริมาณการผลิตทองคำที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่นำสินแร่จากเหมือง T-18 ออกมาผลิตได้แล้ว และติดตั้งเครื่องบดย่อยได้ครบ 4 เครื่องตั้งแต่กลางเดือนก.พ.51 โดยตั้งเป้าหมายผลิตได้ 2,100 ออนซ์/เดือน ซึ่งเดือนก.พ.51 ก็สามารถผลิตได้ตามเป้า
"ตอนนี้เราเหมือนเดิมผลิตทองคำได้เดือนละ 2,100 ออนซ์/เดือน เราตั้งเป้าเป็นเดือนตั้งแต่เดือนก.พ.มานี้ดีเรื่อยๆ เพราะเราเปลี่ยนเหมืองใหม่ คิดว่าน่าจะเข้าเป้าได้แล้วเพราะเข้าไปเอาสินแร่ในเหมือง T-1-8 ออกไปทำได้แล้ว"พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
อนึ่ง ในปี 50 THL ผลิตทองคำได้ 17,485 ออนซ์ ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 25,000 ออนซ์
พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า THL น่าจะทำกำไรได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/51 จากก่อนหน้านี้ปัญหาไปติดขัดเรื่องใบอนุญาตเหมือง T-18 ซึ่งที่ผ่านมาเสียเวลาไปเป็นปี และแต่ละเรื่องเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ยิ่งตอนนี้เรื่องการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมีมาก จึงต้องทำอย่างรอบคอบชัดเจนก่อนดำเนินการ
"วันนี้ทุกอย่างค่อยๆดีมีความเข้าใจขึ้น งานทุกอย่างก็ flow ขึ้น ผลประกอบการก็จะดีขึ้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว ปีที่แล้วเราผลิตทองคำได้น้อยกว่าเป้าเพราะเราเปิดเหมือง T-18 ไม่ได้เราเพิ่งเปิดได้เมื่อ 19 ก.พ.51 นี้ ตอนนี้เปิดเรียบร้อยแล้วและต้องเปิดต่อไปตามที่ได้แจ้งไว้...ช่วงนี้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับสูงขึ้น ทุ่งคำก็น่าจะได้รับผลดีจากตรงนี้"พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสการขยายพื้นที่การผลิตทองคำ โดยมองการสำรวจแหล่งทองในฟิลิปปินส์ เวียดนาม และลาว อย่างไรก็ตาม คงต้องรอผลสำรวจให้แน่นอนก่อนว่ามีแหล่งทองคำและคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่
"หลังจากนี้อาจจะไปทำที่ฟิลิปปินส์ เวียดนามและลาวคงจะเป็นแผนที่เราจะต้องทำต่อไป คือไปเปิดเหมืองที่ต่างประเทศ รอเช็คให้แน่นอนก่อนว่ามีทองจริงหรือเปล่า รอสำรวจอยู่"พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มรายได้ไปพร้อมกับการลดต้นทุนการผลิต และต้นทุนด้านอื่น ๆ ไม่เพียงแต่เหมืองทองของทุ่งคำเท่านั้น แต่จะมองทั้งเครือ ซึ่งมีทั้ง เหมืองดีบุก และหินแร่แอนดิไซด์ด้วย โดยเฉพาะธุรกิจการจำหน่ายหินนั้น ในปีนี้มองว่ามีโอกาสที่จะทำยอดขายเพิ่มขึ้นจากโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ของภาครัฐ ที่จะมีการขยายเส้นทางเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้บริษัทมีหินอยู่ในสต็อกรอไว้แล้ว
ทั้งนี้ ในปี 50 บริษัทมีรายได้จากการขายหินแอนดีไซด์ลดลงจาก 21.08 ล้านบาท เป็น 8.98 ล้านบาท เนื่องจากความล่าช้าของโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ที่ยังไม่เริ่มดำเนินการ จึงไม่สามารถขายหินโรยทางรถไฟและหินปูพื้นถนนได้ตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--