นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลงานครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก จากค่าการกลั่นที่ยังยืนในระดับสูง แม้จะลดลงบ้างเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ตามทิศทางตลาดน้ำมันปิโตรเลียมที่อ่อนตัวลง แต่ตลาดปิโตรเคมี น้ำมันหล่อลื่น จะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น จากราคาวัตถุดิบที่ลดลงมา ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันก็กลับมาสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันดิบในครึ่งปีหลังนี้ คาดปรับตัวลดลงจากครึ่งปีแรก รับผลกระทบความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย และเงินเฟ้อสูง แต่ยังได้รับแรงสนับสนุนจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในรัสเซีย และราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น หนุนความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป หรือน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น โดยราคาน้ำมันสำเร็จรูปก็คาดจะอ่อนตัวลงไปเช่นกัน จากก่อนหน้านี้ราคาปรับตัวขึ้นไปพอสมควรแล้ว อีกทั้งความต้องการใช้น้ำมันฯ ก็ไม่ได้ลดลงไป เพราะจะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง อาจทำให้กำไรสต็อกน้ำมันของบริษัทลดลงไปด้วย
สำหรับแผนการลงทุนในครึ่งปีหลังนี้ วางงบลงทุนไว้ราว 980 ล้านเหรียญฯ แบ่งเป็น ลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด (CFP)จำนวน 600 ล้านเหรียญฯ, การลงทุนธุรกิจโอเลฟินใน PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) จำนวน 270 ล้านเหรียญฯ โดย CAP อยู่ระหว่างการพิจารณาการลงทุนโครงการ CAP2 คาดจะสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อขยายกำลังการผลิตอีกเท่าตัวเป็น 8.10 ล้านตันต่อปี โดยหากตัดสินใจลงทุนเพิ่มเติม คาดว่าจะเริ่ม COD ตามแผนได้ในปี 69 และการลงทุนในโครงการของ TOP ตามปกติ ราว 50 ล้านเหรียญฯ ที่เหลือเป็นโครงการอื่นๆ
พร้อมกันนี้บริษัทยังมองโอกาสเข้าไปลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม และอินเดียเพิ่มเติม โดยตั้งเป้ามีรายได้จากการส่งออกและการลงทุนในต่างประเทศ อย่างน้อย 33-34% ของรายได้รวมภายในปี 73
"ไทยออยล์ได้วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในโรงกลั่นที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญเพื่อสร้างการเติบโตครั้งใหม่ (New Round of Growth) ด้วยการต่อยอดไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง พร้อมขยายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคที่มีการเติบโตสูง เน้นการลงทุนในธุรกิจปลายน้ำซึ่งมีอัตรากำไรสูงรวมถึงธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-Curve