(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามดาวโจนส์ บอนด์ยีลด์-น้ำมันร่วงลดแรงกดันเงินเฟ้อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 8, 2022 09:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสที่จะปรับตัวในทิศทางเดียวกับดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น หลังจากราคาน้ำมันร่วงลงอาจจะส่งผลให้ความกังวลลดลงต่อเงินเฟ้อชะลอตัว ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ปรับตัวลดลง ซึ่งจะหนุนหุ้นในกลุ่มเติบโต (Growth Stock) ให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้

พร้อมให้แนวต้านที่ 1,650 จุดและ แนวรับ 1,630 จุด

บล.ไอร่า คาดตลาดวันนี้ Sideway up มองแนวรับที่บริเวณ 1,635/1,630 และแนวต้านที่บริเวณ 1,644/1,650 คาดตลาดจะเริ่มผ่อนคลายความกังวลจากแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงไปยาวนาน หลังเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันปรับตัวลงแรง คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงถ่วงทิศทางตลาดหุ้นไทยได้บ้าง แต่จะลดความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเงินเฟ้อที่มีโอกาสอ่อนตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นระยะเวลานานของ FED สอดคล้องกับ Dollar Index เริ่มอ่อนตัวลงหลังขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 110.78 จุด รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) อ่อนตัวลงเช่นกัน คาดจะกระตุ้นทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงแกว่งตัวขึ้นได้ และเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC และ GULF)

แนะนำติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 8 ก.ย. นี้ คาดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจยุโรปในปัจจุบันยังมีความเปราะบางมากก็ตาม คาดจะส่งผลให้เศรษฐกิจยุโรปชะลอตัว-ถดถอย เป็นปัจจัยกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้าง แต่คาดจะกระตุ้นค่าเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะสั้น กดดัน Dollar Index อ่อนตัวลงได้เช่นกัน

ในส่วนของปัจจัยในประเทศแนะนำติดตามการนัดประชุมด่วนของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาคดีวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คาดความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจเป็น Noise เข้ารบกวนตลาดได้บ้าง อย่างไรก็ดียังคงมีมุมมองให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในโซนใกล้ระดับ 1,640 จุด ซึ่งถือเป็นโซนที่ Valuation ของตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า อยู่ในระดับ -0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะจำกัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (7 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,581.28 จุด เพิ่มขึ้น 435.98 จุด หรือ +1.40%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,979.87 จุด เพิ่มขึ้น 71.68 จุด หรือ +1.83% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,791.90 จุด เพิ่มขึ้น 246.99 จุด หรือ +2.14%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,732.68 จุด เพิ่มขึ้น 302.38 จุด หรือ +1.10%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,043.84 จุด ลดลง 0.46 จุด หรือ -0.00% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,245.56 จุด ลดลง 0.73 จุด หรือ -0.02%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ก.ย.65.) ที่ระดับ 1,639.92 จุด เพิ่มขึ้น 6.05 จุด, +0.37%
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,369.36 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ก.ย.65
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.(7 ก.ย.) ร่วงลง 4.94 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 81.94 ดอลลาร์/บาร์เรล¶
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ก.ย.) อยู่ที่ 8.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 36.46 แข็งค่าสวนทางภูมิภาค ให้กรอบวันนี้ 36.35-36.65 จับตาประชุม ECB
  • กกร.ห่วงต้นทุนค่าไฟ-ค่าแรงเสี่ยงฉุดธุรกิจทรุด ส่วนจีดีพีปีนี้ยังคงเป้าหมายไว้ที่ 2.75-3.5% พร้อมจับตาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวเกินคาด เพราะเศรษฐกิจในสหภาพยุโรปถดถอย ด้านสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนพุ่ง 12% หนุน SET ยังไปได้ต่อ คาด ธปท.ขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% จนถึงระดับ 1.50% ในต้นปีหน้า

-ตลาดฯ ทำเฮียริ่ง ปรับเกณฑ์เข้าคำนวณ SET50/100 ลด Turnover Ratio ลงมาจากเดิม 5% เหลือแค่ 2% อุ้มหุ้นขนาดใหญ่อยู่ หลังนักลงทุนหันไปซื้อหุ้นกลาง-เล็กมากขึ้น ด้าน DELTA, BJC, RATCH และ COM7 ติดโผเข้า SET50 รอบครึ่งปีแรก 66 ขณะที่ MAKRO มีลุ้นหลังซีพี ออลล์ ส่งสัญญาณเพิ่มฟรีโฟลต¶

  • เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ แถลงยิบขั้นตอนการวินิจฉัย 8 ปีนายกฯ ย้ำชัด 8 ก.ย.ยังไม่ใช่ตัดสินคดี "ปธ.ศาล" เสียใจเอกสาร "มีชัย" หลุด สั่งตรวจสอบข้อบกพร่อง "ฝ่ายค้าน" ผวา! รีบทำหนังสือแย้ง "อดีต ปธ.กรธ." ยกบันทึกประชุมสมัยร่าง รธน.ครั้งที่ 500-501 โต้กลับ "วิษณุ" เผยจุดอ่อนเอกสารประชุม กรธ.ไร้น้ำหนักเหตุไม่ระบุวิธีนับอายุนายกฯ เริ่มปีไหนไว้ในหนังสือจุดมุ่งหมาย รธน. "เอกสารบิ๊กตู่" แจงคดีหลุดว่อนโซเชียล ยันเป็นนายกฯ ยังไม่ครบ 8 ปี การันตีไม่เคยใช้อำนาจผู้นำหาประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง "ลุงป้อม" ควง "อนุพงษ์" ฟังแถลงผลการศึกษา นศ.วปอ. รุ่นที่ 64 ไร้เงาประยุทธ์¶
  • ผู้ว่าฯแบงก์ชาติจับตาเงินเฟ้อใกล้ชิด เป็นปัจจัยชี้ขาดนโยบายดอกเบี้ยขึ้นมากกว่า 0.25% หวั่นซ้ำเติม หนี้ครัวเรือน ด้านประธานเฟทโก้ห่วง เศรษฐกิจโลกถดถอยกว่าที่คาด แนะรัฐ เร่งเดินหน้า 3 มาตรการ ปลุกลงทุน-ดึงเงินต่างชาติบูมท่องเที่ยวรับมือ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • YGG (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 11.00 บาท ติดตามเกมใหม่ คาดชื่ออย่างไม่เป็นทางการคือ "Nine Eye Pet" เกมแนว Breed & Customize (คล้ายโปเกมอนแต่มีรายละเอียดมากกว่า) สำหรับปีนี้ YGG ได้งานผลิต Series จาก Netflix ประมาณ 15-20 Episode คาดรายได้ครึ่งปีหลังปี 65 เติบโตงานจ้างจากฝั่ง VFX & Animation ที่เพิ่มตามการใช้จ่ายโฆษณาและการจัด Event ที่เพิ่มขึ้นหลังการ Fully Opening โดย Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 137 ลบ. และ 174 ลบ. +22%YoY, +27%YoY ตามลำดับ
  • TFG (ฟินันเซีย ไซรัส) "เก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/65 คาดยังโตทั้ง Q-Q และ Y-Y หนุนจาก High Season ของการส่งออกและราคาเนื้อสัตว์ที่ยังสูง รวมถึงผลบวกจากการขยายสาขา Shop ทั้งรายได้และ Margin คาดกำไรปี 2565 โตแรง +7.5 เท่าตัว Y-Y จากฐานต่ำปีก่อน ส่วนปี 2566 เรายังคาด Conservative โดยชะลอลง -17% Y-Y แต่ยังเป็นระดับที่สูงกว่าปีที่ดีในอดีตถึง 50% ราคาหุ้นเทรด 2023PER เพียง 12 เท่า
  • BGRIM (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า IAA Consensus 44 บาท ได้ Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบร่วงแรง ลดแรงกดดันทางด้านต้นทุน ค่า Ft ปรับขึ้นหนุนรายได้ ขณะที่ปลายเดือนมีประเด็นการเปิดเผยแผน PDP2020 ฉบับใหม่ให้เก็งกำไร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ