บล.ดาโอ ระบในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มโรงพยาบาลเป็น มากกว่าตลาด เนื่องจาก 1.มาตรการเปิดประเทศส่งเสริมให้ medical tourism ฟื้นตัวขึ้น จาก pent-up demand ช่วง COVID-19 โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลาง และ CLMV ที่เห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจน และ 2. ผู้ป่วยทั่วไปในประเทศฟื้นตัว จากเคสผ่าตัด และได้ปัจจัยหนุนจากฤดูกาลหน้าฝน ซึ่งช่วยชดเชยรายได้ที่เกี่ยวกับโควิดที่ลดลง
เบื้องต้น ประเมินผลประกอบการกลุ่มในไตรมาส 3/65 ชะลอตัวทั้ง YoY, QoQ จากผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาล ที่เคยได้อานิสงส์จาก COVID-19 ชะลอตัวหลังรัฐปรับมาตรการการชดเชยค่ารักษา, ยกเลิก Hospitel และ Home Isolation ด้านผลประกอบการของโรงพยาบาล ที่มีสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างชาติสูง อาทิ BH, BDMS, PR9 ยังคงเห็นการเติบโตต่อเนื่องทั้ง YoY, QoQ จากผู้ป่วยต่างชาติที่ขยายตัว และ GPM ที่เพิ่มขึ้นจากสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติซึ่งมี GPM สูงเพิ่มขึ้น โดยเราคาดนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัว +138% QoQ หลังการยกเลิก Thailand Pass จะเห็นได้ว่าในเดือน ก.ค.65 นักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น +47% MoM
สำหรับโรงพยาบาล ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ BH (ซื้อ/เป้า 245.00 บาท), BDMS (ซื้อ/เป้า 35.50 บาท) และ PR9 (ซื้อ/เป้า 19.00 บาท) เพราะมีสัดส่วนของรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติมาก โดยหลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้นมาก จึงมีโอกาสที่รายได้ส่วนนี้ฟื้นตัวดี และไตรมาส 3/65 เป็น high season ของกลุ่มนี้ ราคาหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล Outperform SET +12% ใน 3 เดือนที่ผ่านมา จาก pent-up demand ของผู้ป่วยทั่วไปฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผลประกอบการในไตรมาส 2/65 ออกมาดีกว่าที่คาด
โดยในกลุ่มโรงพยาบาลเราเลือก BH เป็น top pick จาก BH จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด เพราะมีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติสูงที่ 67% ในขณะปัจจุบันมีรายได้ต่างชาติอยู่ที่ 62% และ valuation ไม่แพง ปัจจุบัน BH เทรดอยู่ที่ 2023E PER 39.7x เทียบเท่า -0.5SD below 5-yr avg PER เทียบกับการเติบโตของกำไรปี 65/66 ที่ +220% YoY และ +11% YoY ตามลำดับ และยังมี upside จากคนไข้ซาอุดิอาระเบีย และจีน