กลุ่มโรงไฟฟ้าดีดตัวขึ้นรับประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวลงแรง ทำให้ต้นทุนต่ำลง
เมื่อเวลา 10.19 น.
GPSC ปรับขึ้น 4.51% หรือเพิ่มขึ้น 3.00 บาท มาที่ 69.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 449.81 ลบ.
BGRIM ปรับขึ้น 4.14% หรือเพิ่มขึ้น 1.50 บาท มาที่ 37.75 บาท มุลค่าซื้อขาย 223.47 ลบ.
GULF ปรับขึ้น 1.34% หรือเพิ่มขึ้น 0.75 บาท มาที่ 56.75 บาท มุลค่าซื้อขาย 708.82 ลบ.
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า กลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวขึ้นได้ดีเนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลงไปแรงจะส่งผลให้ต้นทุนของธุรกิจลดลง โดย บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) และ บมจ. บี.กริม.เพาเวอร์ (BGRIM) จะได้รับประโยชน์สูงสุด
แนะนำ ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงแรงเมื่อคืนนี้อย่าง SCC SCGP EPG TASCO BGRIM GPSC CK STEC โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 4.94 ดอลลาร์ หรือ -5.7% ปิดที่ 81.94 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ต่างก็ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ยังร่วงหลุดจากระดับ 90 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.
โดยราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 18%เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้ความต้องการสินค้าจีนในต่างประเทศลดลงขณะที่ยอดการนำเข้าเดือนส.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.3% นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันนี้ และคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เช่นกันในวันที่ 21 ก.ย.