(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งขึ้นตามภูมิภาคหลัง ECB ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 9, 2022 09:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ขึ้น ตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ หลังจากรับทราบข่าวการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) 0.75% เป็นไปตามคาด และการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่ได้มีเซอร์ไพร์สออกมาหลังจากการประชุมที่แจ๊คสัน โฮล เฟดยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดึงเงินเฟ้อให้ต่ำลงมา ซึ่งเป็นปัจจัยที่ตลาดรับรู้ไปหมดแล้ว ทำให้ตลาดฯปรับตัวขึ้น

ขณะที่ราคาน้ำมันกลับมาปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย หลังจากที่รัสเซียออกมาขู่ระงับการส่งน้ำมัน คาดว่าจะช่วยหนุนกลุ่มพลังงานกลับมาได้บ้าง และช่วยทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยกดดันจากจีนที่ยังคงล็อกดาวน์เมืองเฉิงตู ซึ่งอาจจะกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในภูมิภาคได้

โดยให้แนวต้าน 1,650-1,655 จุด แนวรับ 1,620-1,625 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,774.52 จุด เพิ่มขึ้น 193.24 จุด หรือ +0.61%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,006.18 จุด เพิ่มขึ้น 26.31 จุด หรือ +0.66% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,862.13 จุด เพิ่มขึ้น 70.23 จุด หรือ +0.60%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,204.71 จุด เพิ่มขึ้น 139.43 จุด หรือ +0.50%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,893.65 จุด เพิ่มขึ้น 39.03 จุด หรือ 0.21% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,241.18 จุด เพิ่มขึ้น 5.59 จุด หรือ +0.17%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ก.ย.65.) ที่ระดับ 1,640.00 จุด เพิ่มขึ้น 0.08 จุด, 0.00%
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,406.79 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ก.ย.65
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.(8 ก.ย.) เพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 83.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ก.ย.) อยู่ที่ 9.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 36.40 ทรงตัวจากวานนี้ ขณะที่ดอลลาร์แกว่งไร้ทิศทาง จับตาทิศทาง Flow
  • กบง. เคาะตรึงราคาก๊าซหุงต้ม 408 บาทต่อถัง 15 กก. ตั้งแต่ 1-31 ต.ค.นี้ และขยายมาตรการคงสัดส่วนดีเซลบี 5 ตั้งแต่ 1 ต.ค.-31 ธ.ค.นี้ เพื่อดูแลต้นทุนดีเซล ไฟเขียวขยับราคาเอ็นจีวีอีก 1 บาทต่อ กก. เป็น 16.59 บาทต่อ กก. มีผล 16 ก.ย.นี้ พร้อมเพิ่มวงเงินดูแลค่าไฟกลุ่มเปราะบาง เป็น 9 พันล้านบาท จากเดิม 8 พันล้านบาท ชง ครม.เห็นชอบ 13 ก.ย.นี้¶
  • ลุ้นชง ครม. 13 ก.ย.นี้ ขยายมาตรการลดภาษีดีเซลต่ออีกลิตรละ 5 บาท ยาวถึงสิ้นปี 65 แต่การเจรจายังไม่ลงตัว หลังรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานกดดันให้ลดภาษีลิตรละ 5 บาท ขณะที่คลังเสนอให้ลดเพียง 1-3 บาทเท่านั้น เหตุน้ำมันโลกลดลงมาต่ำกว่า 100 เหรียญแล้ว และที่ผ่านมารัฐสูญรายได้จากการลดภาษีดีเซลแล้ว 68,000 ล้านบาท หากลดต่ออีก 5 บาท จะทำให้รัฐสูญรายได้เพิ่มเป็น 98,000 ล้านบาท
  • นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ดีอีเอสเตรียมเสนอต่อ ครม. ให้ความเห็นชอบในเรื่องการยกระดับสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (จีบีดีไอ) ภายใต้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เพื่อตั้งขึ้นเป็นหน่วยงานใหม่ คือสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ คาดเสนอเข้า ครม. เร็วๆ นี้ จากนั้นจะนำประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะต้องดำเนินการจัดตั้งหน่วยงานภายใน 180 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด

*หุ้นเด่นวันนี้

  • บมจ.แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส (AWS) หุ้นตัวแรกที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) เข้าซื้อขายในตลาด LiVEx วันที่ 9 เดือน 9 ชื่อย่อหลักทรัพย์ "AWS22" โดยราคา IPO ที่ 2.00 บาท/หุ้น
  • CK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 25 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/65 เร่งตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y จากการฟื้นตัวของผลงานบริษัทร่วมทั้ง BEM ได้อานิสงส์ Reopening รวมถึง CKP เข้า High Season และมีปันผลรับจาก TTW มี Catalyst บวกจากผลประมูลรถไฟฟ้าสีส้มอย่างไม่เป็นทางการที่ BEM ชนะทำให้ CK มีโอกาสได้งานคาดหนุน Backlog ทะลุ 1 แสนลบ.รองรับการเติบโตระยะยาวและหนุนธุรกิจรับเหมาฯเป็นขาขึ้น คาดกำไรปกติปี 2565 +8x Y-Y และเร่งตัว +64% Y-Y ในปี 2566
  • BDMS (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 34 บาท กำไรสุทธิเป็นขาขึ้น ธุรกิจอยู่ในช่วง High season จำนวนผู้ป่วยต่างชาติเร่งตัวใกล้แตะระดับ Pre Covid ขณะที่ราคายัง Laggard จาก BH โดย YTD ราคา BDMS เพิ่มขึ้น 28% เทียบกับ BH เพิ่มขึ้น 60%
  • TIPH (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 77.50 บาท ผลประกอบการไตรมาส 2/65 ขาดทุนสุทธิ 318 ล้านบาทแต่เกิดจากรายการ One-Off เคลม Covid ที่มีผลย้อนหลังไป 6 เดือน ขณะที่ผลงานปกติยังคงโตจากรายได้เบี้ยประกันภัยรับสุทธิเพิ่มขึ้น ประเด็นลบน่าจะรับรู้ไปหมดแล้ว ขณะที่ไตรมาส 3/65 จะกลับมาเติบโตเด่นจากทั้งรายได้เบี้ยประกันภัยและ Loss Ratio ที่ลดลง เนื่องจากประกัน Covid ส่วนใหญ่หมดไปในไตรมาส 2/65 แล้ว รวมถึงคาดมีโมเมนตัมบวกต่อในไตรมาส 4/65 จากปัจจัยฤดูกาลลูกค้าภาครัฐ,ปันผลงวด 1H65 จำนวน 0.5 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 13 ก.ย.65

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ