นายเอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (AAI) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับอนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยจะเตรียมความพร้อมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 637.5 ล้านหุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
AAI มีความเชี่ยวชาญการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานชั้นนำของประเทศ และนับเป็นบริษัทเรือธง (Flagship) ในการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ของ บมจ. เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN) โดยเป็นผู้รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก (Wet Pet Food) และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human Food) ชั้นนำของประเทศ จนเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์และผู้บริโภคในระดับสากล รวมถึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกรายใหญ่ของไทย
บริษัทมีแผนพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ "Level up AAI!" เพื่อยกระดับองค์กรให้พัฒนาและเติบโตให้ทันกับโอกาสทางธุรกิจ และพร้อมปรับตัวภายใต้ปัจจัยการเปลี่ยนแปลง เพื่อนำพาองค์กรให้สามารถบรรลุวิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมายในอนาคต ผ่านการมุ่งมั่นยกระดับองค์กรในด้านต่างๆ ดังนี้
1) ยกระดับธุรกิจ (Level up our organization) มุ่งเน้นการปรับโครงสร้างองค์กรและโครงสร้างการบริหารงานให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากล การเร่งพัฒนาบุคลากร รวมถึงการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อรองรับการเติบโตและโอกาสทางธุรกิจในอนาคต
2) ยกระดับสถานะจาก "ผู้ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์" เพื่อเป็น "คู่ค้าเชิงกลยุทธ์" (Level up our co-developer position to strategic partners) มองหาโอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์ทั้งในกลุ่มธุรกิจที่เป็นต้นน้ำและปลายน้ำ (Up-stream / Down-stream) เพื่อให้การบริหารจัดการด้านห่วงโซ่อุปทานมีความต่อเนื่องและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว
3) ยกระดับแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของบริษัทฯ เพื่อเป็นแบรนด์ระดับโลก (Level up our own brands) โดยเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงในหลากหลายแบรนด์ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าในทุกตลาดย่อย (Market Segment) และมีผลิตภัณฑ์ครบทุกประเภท ทั้งที่เป็นอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด และขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง
และ 4) ยกระดับความใส่ใจต่อแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านแผนกลยุทธ์ CHEERS! (Level up cares through CHEERS! strategy) โดยให้ความสำคัญต่อปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และยึดมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืนตามหลักสากลขององค์การสหประชาชาติ
กรรมการผู้จัดการ AAI กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยศักยภาพและความพร้อมในด้านแหล่งเงินทุนเพื่อลงทุนขยายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงสายการผลิต จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และรักษาความสามารถการแข่งขันให้อยู่ในระดับที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทที่ผ่านมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงแบบพรีเมี่ยม และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจาก 2,910 ล้านบาทในปี 59 เป็น 4,985 ล้านบาทในปี 64 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 11% ต่อปี และมีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นจาก 16 ล้านบาทในปี 59 เป็น 639 ล้านบาทในปี 64 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 108% ต่อปี
นอกจากนี้ การเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมีปัจจัยหลักมาจากการเปลี่ยนผ่านประชากรสู่กลุ่ม Millennial และ Generation Z ที่มีความรักสัตว์และต้องการเลี้ยงสัตว์มากขึ้น รวมถึงการขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) ส่งผลให้จำนวนสัตว์เลี้ยงและความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง
นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ Head of Investment Banking Capital Market บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า AAI นับเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมอาหารอาหารสัตว์เลี้ยง เพราะในปัจจุบันผู้คนมักเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนแก้เหงา จึงต้องมองหาอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพดีและมีประโยชน์ จึงนับว่า AAI อยู่ในธุรกิจที่เป็นคลื่นลูกใหม่ของการเติบโตได้เป็นอย่างดี
หลังจาก สำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 1 ก.ย.65 ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม เพื่อเสนอขายหุ้น IPO และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
ทั้งนี้ AAI มีทุนจดทะเบียนจำนวน 2,125 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,125 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้ว 1,700 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 1,700 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 637.5 ล้านหุ้น แบ่งเป็น 1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 425 ล้านหุ้น และ 2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย ASIAN ไม่เกิน 212.5 ล้านหุ้น รวมทั้งหมดไม่เกิน 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้