นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในช่วงไตรมาส 3/65 และไตรมาส 4/65 เติบโตไม่ต่ำกว่าไตรมาสละ 30% ซึ่งจะทำให้ยอดขายรวมในปี 65 ทำได้ตามเป้าหมายเติบโต 24% หรืออยู่ที่ 6.5 พันล้านบาท โดยที่ในช่วงครึ่งปีหลังยังมองเห็นถึงแนวโน้มที่ฟื้นตัวของตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในระดับสูง จากการที่คนออกมาทำงานและใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ทำให้การกลับมาซื้อชาพร้อมดื่มกลับมาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ขณะเดียวกันบริษัทยังเดินหน้าออกสินค้าใหม่ในช่วงไตรมาส 3/65 และไตรมาส 4/65 อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความหลากหลายในไลน์สินค้าให้เพิ่มขึ้น และสามารถขยายกลุ่มผู้บริโภคให้กว้างขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตของยอดขาย โดยในไตรมาส 3/65 บริษัทได้มีการออกเครื่องดื่มเย็นเย็นรสบ๊วยและสมุนไพร 7 ชนิด ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 70 ล้านบาท โดยได้เริ่มจำหน่ายแล้วในเซเว่นอีเลฟเว่น
ส่วนในไตรมาส 4/65 จะมีการออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ได้แก่ ICHITAN No Sugar 2 รสชาติ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 20 ล้านบาท และอิชิตัน น้ำด่าง 8.5+สารสกัดจาก CBD ซึ่งตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 50 ล้านบาท และสินค้าไลน์ใหม่ของอิชิตันที่เป็นน้ำอัดลม คือ tansansu ซึ่งตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 150 ล้านบาท โดยสินค้าใหม่ในช่วงไตรมาส 4/65 จะทยอยเปิดตัวในช่วงเดือนต.ค. 65
นอกจากนี้ตลาดต่างประเทศที่บริษัทมีสินค้านำไปจำหน่ายในอาเซียนมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดในอินโดนีเซียที่สามารถมียอดขายกลับมาเติบโตขึ้นได้อย่างก้าวกระโดด และคาดว่าจะส่งกำไรกลับมาให้กับบริษัทได้ไม่ต่ำกว่า 75 ล้านบาท รวมถึงการเข้าไปวางขายสินค้าในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตเครือ SM ทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มอาเซียนได้เพิ่มขึ้น
อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมนำสินค้าไปจำหน่ายในประเทศอื่นๆเพิ่มเติม เช่น เกาหลีใต้ รัสเซีย ที่จะเริ่มมีการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในครึ่งปีหลังนี้ และประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้จัดจำหน่ายในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
ด้านแรงกดดันต้นทุนของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าจะเริ่มทรงตัว เนื่องจากในปัจจุบันต้นทุนการผลิต วัตถุดิบต่างๆ รวมถึงต้นทุนการขนส่งค่อยๆ เริ่มทรงตัว โดยเฉพาะราคาน้ำมันลดลงมาจากช่วงก่อนหน้านี้ ประกอบกับบริษัทได้ปรับราคาขายส่งกับตัวกลางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งจะเริ่มรับรู้ผลการปรับเพิ่มราคาในช่วงไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป ทำให้แนวโน้มของอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะค่อยๆ เห็นการปรับตัวดีขึ้น คาดว่าในช่วงไตรมาส 3/65 อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 18.5% จากไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 18%
สวนภาษีความหวานที่จะมีการเรียกเก็บเพิ่มขึ้นในเกณฑ์ใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 บริษัทยืนยันว่าไม่มีผลกระทบในเรื่องดังกล่าว หลังจากบริษัทมีการวิจัยและพัฒนาปรับปรุงสูตรเครื่องดื่มของบริษัทให้เป็นไปตามเกณฑ์ใหม่ โดยสามารถลดน้ำตาลลงได้ 6% ตามเกณฑ์ ทำให้บริษัทไม่ต้องเสียภาษีความหวานเพิ่มอีก 0.3% ตามเกณฑ์ใหม่ และปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้แนวโน้มของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังไม่มีแรงกดดันเข้ามาเพิ่มเติม และคาดว่าจะเห็นกำไรในครึ่งปีหลังเติบโตขึ้นดีด้วยเช่นกัน