นายวัชชระ ชินเศรษฐวงศ์ กรรมการ บมจ.ยูไนเต็ด เปเปอร์ (UTP) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้เหลือราว 5,109 ล้านบาท จากเดิมคาดไว้ในระดับ 5,700 ล้านบาท แต่ยังเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 4,622.64 ล้านบาท
สาเหตุที่ปรับลดเป้ารายได้ของปีนี้ เนื่องจากคาดว่ายอดขายในไตรมาส 3/65 น่าจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 และช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าจะต่ำกว่า 60,000 ตัน หลังจากเดือน ก.ค.65 มีปริมาณการขาย 19,000 ตัน และเดือน ส.ค.65 ลดลงเหลือ 18,000 ตัน เป็นไปตามคำสั่งซื้อที่ปรับตัวลดลงมากว่า 20%
ขณะที่ในเดือน ก.ย.65 บริษัทจะพยายามรักษาระดับยอดขายไม่ให้ต่ำกว่า 19,000 ตัน เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาวหรือโลว์ซีซั่น ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะชะลอการสั่งซื้อ ประกอบกับ ราคาเศษกระดาษในต่างประเทศก็ปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ราคาเศษกระดาษในประเทศปรับตัวลงตาม ทำให้ลูกค้าคาดหวังว่าบริษัทจะต้องปรับลดราคาขายลงตามราคาเศษกระดาษด้วยเช่นกัน
นายวัชชระ กล่าวว่า แนวโน้มราคาเศษกระดาษทั้งในประเทศและต่างประเทศน่าจะยังปรับตัวลงต่อ หลังจากยุโรปประสบภาวะขาดแคลนพลังงาน หรือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการผลิตเศษกระดาษ ทำให้บริษัทส่วนใหญ่หยุดการผลิตลง ซึ่งน่าจะยาวไปจนถึงไตรมาส 4/65 จนกว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนจะได้ข้อยุติ
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่ายอดขายไตรมาส 4/65 จะฟื้นดีขึ้นจากไตรมาส 3/65 หรือมียอดขายมากกว่า 20,000 ตัน/เดือน แม้ราคาเศษกระดาษยังเป็นเทรนด์ขาลง แต่จะได้ปัจจัยหนุนจากเป็นช่วงเทศกาลการจับจ่ายใช้สอย ก็น่าจะส่งผลดีต่อปริมาณการขาย อีกทั้งบริษัทจะลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยการเร่งระบายสต็อกเศษกระดาษเก่าที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้คงยังไม่มีเพิ่มเติมแล้ว แต่ในปีหน้าบริษัทวางงบลงทุนไว้ราว 30-40 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบเครื่องเตรียมเยื่อกระดาษใหม่ คาดว่าจะใช้เวลาในการปรับปรุงราว 6 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยอดขายกระดาษให้เพิ่มขึ้น