นางปรีญาภรณ์ ตั้งเผ่าศักดิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอแอลที เทเลคอม (ALT) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรเพื่อให้เข้ามาร่วมลงทุนวางสายสื่อสารใต้ดินเพื่อให้เช่า ทั้งในพื้นที่กรุงเทพและทั่วประเทศ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในะระยะเวลา 1-2 เดือนต่อจากนี้ โดยในช่วงที่ผ่านมาได้วางสายสื่อสารลงใต้ดินไปแล้วในพื้นที่พหลโยธิน ปฏิพัทธ์ พญาไท และสุขุมวิท 1 ถึง 71
ขณะที่บริษัทชะลอการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (รูฟท็อป) ในสัญญาแบบระหว่างเฉพาะเจาะจงระหว่างองค์กร (Private PPA) เพื่อหาช่องทางจัดหาเงินทุนเพิ่มเติม เนื่องจากโครงการดังกล่าวต้องใช้เงินทุนค่อนข้างมากและเป็นการลงทุนระยะยาว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆนี้
ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าในมือแล้ว 12 เมกะวัตต์ อายุสัญญาระหว่าง 10-20 ปี คาดว่าจะสร้างรายได้รวมตลอดอายุสัญญาประมาณ 680 ล้านบาท หรือมีรายได้เฉลี่ยต่อปี 44 ล้านบาท ระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ย 8 ปี และอัตราผลตอบแทนจากการจากลงทุน (IRR) ราว 9% โดยบริษัทตั้งเป้าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 50 เมกะวัตต์ภายในปี 68 และ สามารถสร้างผลกำไรได้ 50 ล้านบาท/ปี
สำหรับทิศทางผลประกอบการในปีนี้บริษัทคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ทุกธุรกิจกลับมาฟื้นตัว ขณะที่บริษัทมีงานในมือ (Backlog) รวม 3,361 ล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้รายได้ส่วนหนึ่งในไตรมาส 3/65 ราว 272.98 ล้านบาท และไตรมาส 4/65 ราว 229.21 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในปีถัดๆไป
ส่วนการให้บริการสายสื่อสารระหว่างประเทศยังคงมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และการให้บริการสถานีชายฝั่งเพื่อเชื่อมต่อเคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศ (CLS) ที่ จ.สตูล ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบแล้วเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าเพิ่มเติมเพื่อที่จะรองรับความต้องการใหม่ๆทั้ง 3 พื้นที่ คือ จ.สตูล จ.สงขลา และ จ.ระยอง