นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า บริษัทได้ปรับลดเป้าจำนวนผู้โดยสารในปี 65 นี้มาเป็น 10 ล้านคน จากเมื่อต้นปีประมาณการไว้ที่ 12.5 ล้านคน เนื่องจากในช่วง 6 เดือนแรกสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไม่สู้ดี เพราะยังมีการระบาดโควิดสายพันธุ์โอมิครอนอยู่ แต่หลังจากที่ภาครัฐยกเลิก Thailand Pass เมื่อ 1 ก.ค. ที่ผ่านมาก็ทำให้การท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันไทยแอร์เอเชียกลับมาบินเส้นทางภายในประเทศครบทุกเส้นทาง รวมเส้นทางข้ามภาค พร้อมเดินหน้าทยอยเปิดบินเส้นทางระหว่างประเทศต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาตลาดอินเดียและตลาดอาเซียนได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม และเส้นทางบินตรงสู่ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่นก็มียอดจองที่ดี โดยจะเริ่มบินในเดือนต.ค.นี้ และคาดว่าหากรัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตให้กลุ่มเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT) คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นกว่านี้
ทั้งนี้ ภาพรวมในไตรมาส 3/65 มีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) อยู่ที่ระดับสูงถึง 89-90%
ขณะเดียวกันในไตรมาส 4/65 ไทยแอร์เอเชียจะเปิดเส้นทางบินใหม่ ได้แก่ เมืองกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล, เมืองธากา ประเทศบังคลาเทศ ซึ่งทั้งสองเมืองจะเริ่มทำการบินภายในเดือน พ.ย.นี้ รวมทั้งจะเปิดเส้นทางเชียงใหม่1 ดานัง และเชียงใหม่-ฮานอย เปิดบิน 30 ต.ค.นี้
ด้านตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางที่มีศักยภาพ เตรียมเปิดบิน กรุงเทพฯ-คยา เริ่มวันที่ 30 ต.ค.ซึ่งจะทำให้ไทยแอร์เอเชียมีเส้นทางบินตรงสู่ประเทศอินเดียรวม 6 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางสู่เมืองโกลกาตา เชนไน ชัยปุระ โกชิ และบังกาลอร์ ที่เปิดให้บริการไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยมี Cabin Factor ดีที่ในระดับ 80%
นายสันติสุข กล่าวว่า ในไตรมาส 4/65 ไทยแอร์เอเชียจะกลับมาทำการบินเส้นทางต่างประเทศ 50% ของช่วงก่อนโควิด โดยยังรอการเปิดประเทศจีน ฮ่องกง ไทเป และมาเก๊า ที่รวมกันจะมีสัดส่วนการบินราว 50% ที่เหลือ
ปัจจุบัน ไทยแอร์เอชียใช้เครื่องบิน 33 ลำ และไตรมาส 4/65 จะเพิ่มเป็น 43 ลำ จากทั้งหมดที่มีอยู่ 53 ลำ