นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 8.3% ในเดือน ส.ค.สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 8.1% จะเป็นปัจจัยกดดันให้มีการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นวันที่ 20-21 ก.ย.
นักลงทุนให้น้ำหนัก 32% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% สู่ระดับ 3.25-3.50% และให้น้ำหนัก 82% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 11 ปี หนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลง
ทั้งนี้ คาดว่าหุ้นทุกกลุ่มจะปรับตัวลดลงกัน ยกเว้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มประกัน และ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่
พร้อมให้แนวรับที่ 1,640 จุด ถัดไป 1,635 จุด แนวต้าน 1,665-1,672 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (13 ก.ย.) 31,104.97 จุด ร่วงลง 1,276.37 จุด หรือ -3.94%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,932.69 จุด ลดลง 177.72 จุด หรือ -4.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,633.57 จุด ร่วงลง 632.84 จุด หรือ -5.16%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,132.70 จุด ร่วงลง 481.93 จุด หรือ -1.68%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,933.30 จุด ลดลง 393.56 จุด หรือ -2.04% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,224.68 จุด ลดลง 39.12 จุด หรือ -1.20%¶
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ก.ย.65.) ที่ระดับ 1,661.09 จุด ลดลง 4.65 จุด, -0.28%
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 355.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ก.ย.65
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.(13 ก.ย.) ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 87.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ก.ย.) อยู่ที่ 7.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.67 ตลาดกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง มองกรอบ 36.55-36.75
- ลุ้นวันนี้ ศาล รธน.ถกวาระ 8 ปี "บิ๊กตู่" ชี้ หากคดีสิ้นข้อสงสัย นัดวันลงมติได้ทันที "วิษณุ" ขอให้รอฟังศาล รธน. "วัชระ" ยื่นบันทึกการประชุม กรธ.ครั้งที่ 500-501 ให้ศาลรธน."เสรีพิศุทธ์" จี้ "บิ๊กตู่" ลาออกก่อนวินิจฉัย "บิ๊กป้อม" ปัดตอบความเคลื่อนไหว "หญิงอ้อ" "สันติ" ยันไม่มีปัญหาหาก ส.ส.เศรษฐกิจไทยหวนกลับ พปชร. "สุชาติ" ระบุ "ผู้กอง" กลับพปชร. ยาก เย้ยจะพา "ทักษิณ" กลับบ้านไม่ง่าย ด้าน "ธรรมนัส" มาแล้วเร่งแก้ปัญหาก่อนมายุ่งเรื่องย้ายพรรคอื่น
- ครม.ไฟเขียวควักเงินอุ้มกลุ่มครัวเรือนที่ใช้ไฟไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือนราว 21.46 ล้านรายช่วยลดผลกระทบค่าไฟ 4 เดือน (ก.ย.-ธ.ค.) ดึงงบกลาง 9,128 ล้านบาทดูแล พร้อมขยายระยะเวลาลดภาษีฯดีเซลต่ออีก 2 เดือนเริ่ม 21 ก.ย.-20 พ.ย. 65 คลังสูญรายได้รวม 20,000 ล้านบาท พร้อมเว้นภาษีน้ำมันเตา และดีเซล(บี0) 6 เดือนสูญอีก 1,400 ล้านบาทหวังหนุน ศก.ไปต่อ "อาคม" คงเป้า ศก.ปี'65 โต 3.5% พร้อมไฟเขียวขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสูงสุด 356 บาท ต่ำสุด 328 บาท กทม.-ปริมณฑล 353 บาท อัตราเฉลี่ยประมาณ 5% มีผล 1 ต.ค.
- นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เปิดเผย แนวทางการพัฒนาแหล่งพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อน ไทย-กัมพูชา หรือ (Overlapping Claims Area : OCA) เพื่อนำก๊าซธรรมชาติมาใช้รองรับวิกฤติด้านพลังงานของประเทศ ว่า เรื่องนี้อยู่ในแผนการทำงานของรัฐบาลแล้ว และคงกำหนดเอาไว้เป็นแผนในระยะยาว โดยยืนยันว่าตามแผนของรัฐบาลได้กำหนดแนวทางเอาไว้ 2 ด้าน คือ 1.การส่งเสริมพลังงานสะอาดมากขึ้น ด้วยการพึ่งพาตัวเอง และ 2.การแสวงหาแหล่งก๊าซธรรมชาติ หรือแหล่งพลังงานที่มีในประเทศ เช่น การเปิดประมูลสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ โดยพร้อมกับพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศกัมพูชา เป็นต้น
- นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่คณะกรรมการเสนอการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยกำหนดอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำทั่วประเทศอยู่ที่ 328-354 บาทต่อวัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 ถือเป็นความเห็นชอบของไตรภาคีที่เป็นเอกฉันท์ ทั้งนายจ้างลูกจ้างและปลัดกระทรวงแรงงาน โดยปรับขึ้นอยู่ที่ 5-8% ภาพรวมปรับอยู่ที่กว่า 5% ถือว่าผ่านมา 2 ปี รวบยอดปรับขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค.65 ที่ 90.5 เพิ่มขึ้นจาก 89.0 ในเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 3 และสูงสุดในรอบ 31 เดือนนับตั้งแต่ ก.พ.63 ปัจจัยหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะกิจกรรมการท่องเที่ยวดีขึ้นหลังยกเลิก Thailand Pass รวมถึงมาตรการกระตุ้นภาครัฐหนุนการใช้จ่ายในประเทศ แต่ค่าดัชนีฯยังต่ำกว่า 100 ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นฯ ในภาพรวมยังไม่ได้สูงเหมือนสถานการณ์ปกติเพราะยังมีปัจจัยลบ
*หุ้นเด่นวันนี้
- AOT (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 80 บาท นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังเป็นปัจจัยเด่นที่หนุนภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว โดยเรายังคงประเมินนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยปีนี้ที่ระดับ 9 ล้านคน และเร่งขึ้นต่อเนื่องปีหน้าที่ 22 ล้านคน คาดว่าจะหนุนผลการดำเนินงานพลิกกลับมาTurnaround ได้ในปีหน้า
- BTS (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 11.30 บาท แนวโน้มผลประกอบการทยอยฟื้นตัว ตามจำนวนผู้โดยศาลที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นยัง Laggard จากหุ้นธีมเปิดเมือง (YTD-5%) และล่าสุดมี Sentiment บวกชนะคดี กทม.ผิดสัญญาเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายฯ สายสีเขียว
- PLANB (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 8.4 บาท กลับมา Reinitiate coverage เป็นสื่อ out-of-home (OOH) รายใหญ่สุดของไทย ปริมาณสื่อ OOH PLANB อัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ช่วง 8 ปี (ปี 58-65) ที่ 14.8% ส่งผลให้คาดว่าส่วนแบ่งรายได้ของสื่อ OOH จะเพิ่มขึ้นจาก 25% ในปี 58 มาอยู่ที่ 46% ในปี 65 มุมมองบวกต่อการซื้อ MACO Aqua Ad และ Broadway Media ปัจจัยหนุนราคาหุ้นมาจาก 1)รายได้โฆษณาสื่อ OOH ฟื้นเร็วกว่าคาด 2) อัตรากำไรปกติเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด 3)ความกังวลกฎระเบียบจาก กทม.บรรเทาลง และ 4)ความสำเร็จในการสร้างกำไรจากธุรกิจนอกกลุ่ม OOH โดยล่าสุด มวยไทย The Voice ฯลฯ