น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการ สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) เปิดเผยว่า สอบ.ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรียกร้องให้ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนในการพิจารณาข้อเสนอขอควบรวมกิจการของงบมจ. ทรูคอร์ปอเรชั่น (TRUE) และบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) เนื่องจากเห็นว่า การที่ กสทช. ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความประเด็นข้อกฎหมายอำนาจของ กสทช.เอง ทำให้สังคมไม่มีทางออก
สอบ.เห็นว่า กสทช.มีอำนาจเต็มที่ในการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ จึงควรใช้อำนาจไม่อนุญาตให้มีการควบรวมกิจการโทรคมนาคมใด ๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคต้องรับภาระค่าใช้จ่ายค่าบริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้น หรือทำให้โอกาสการเข้าถึงการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลของผู้บริโภคลดลงไปอีกจากการควบรวมกิจการ
สอบ.จึงเขียนบันทึกถึงผู้บริโภคและประชาชนให้ออกมาร่วมกันใช้สิทธิของตัวเองในการคัดค้านและเรียกร้องให้ กสทช.ทำหน้าที่ โดยใจความสำคัญในจดหมายเปิดผนึก คือ เรียกร้องให้ กสทช.ทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชน 66 ล้านคน ปกป้องประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะทรัพยากรคลื่นความถี่ ซึ่งแตกต่างจากทรัพยากรสาธารณะด้านอื่น ๆ พร้อมกันนี้ได้เรียกร้องประชาชนลุกขึ้นมาคัดค้าน กสทช.ที่ไม่ใช้อำนาจของตัวเอง
พร้อมระบุถึงเหตุผลในค้านการควบรวม TRUE-DTAC นอกจากทำให้ค่าบริการแพงขึ้นแล้ว จากงานวิจัยหลายชิ้นชี้ชัดค่าบริการแพงขึ้น อย่างน้อย 12%และไม่มีหลักประกันว่า กสทช. จะสามารถกำกับได้สำเร็จ ดังนั้น ไม่มีเหตุผลที่ กสทช.จะอนุญาตให้ควบรวมกิจการนี้เกิดขึ้น อีกทั้งเป็นเรื่องไม่สมควร และไม่เป็นประโยชน์กับผู้บริโภค สภาองค์กรของผู้บริโภคจึงเตรียมชักชวนสมาชิกผู้บริโภคทั่วประเทศปฏิบัติการในเรื่องนี้
ขณะที่น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สอบ.กล่าวว่า การควบรวมกิจการของ TRUE และ DTEC กระทบต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ซึ่งเป็นแนวทางที่ทั้งสององค์กรประกาศสนับสนุน เนื่องจากแนวทาง SDG นั้นระบุถึงเรื่องการส่งเสริมการแข่งขัน แต่ทิศทางการทำธุรกิจที่เหลือน้อยราย ย่อมไม่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ ในช่วงแรกของการประมูล กสทช. ได้ออกแบบให้มี 3 ใบอนุญาต 3 ราย เพื่อป้องกันการควบรวมคลื่นความถี่ และการจัดสรรคลื่นของผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวถือเป็นสัญญาต่อรัฐ ซึ่งผู้รับใบอนุญาตต้องรับผิดชอบต่อสัญญาดังกล่าว จึงฝากถึงคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ยึดหลักการสัญญาการประมูลคลื่น นอกจากนี้ อยากตั้งขอสังเกตว่าการควบรวมคลื่นความถี่จะขัดกับสัญญาต่อรัฐ และขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายสมบูรณ์ คำแหง ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน กล่าวว่า หาก กสทช. ไม่ทำหน้าที่และสร้างบรรทัดฐานในลักษณะนี้ ประเทศไทยอาจเหลือผู้ประกอบการโทรคมนาคมเพียงรายเดียว ซึ่งการมีผู้แข่งขันน้อยราย คือการเอารัดเอาเปรียบประชาชน ฉะนั้น บทบาท กสทช.มีอำนาจเต็ม หากไม่ยอมใช้อำนาจตัวเอง ก็เป็นหน้าที่ของประชาชนที่ต้องตัดสินใจว่า ควรทำอย่างไรกับ กสทช. และผู้ประกอบการ หรือรัฐบาลที่ยอมให้ดีลควบรวมเรื่องนี้เกิดขึ้น
"การสร้างความเข้าใจให้สาธารณชน เป็นเรื่องสำคัญ ทำอย่างไรให้คนเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น ทำให้แรงขับเคลื่อนดังขึ้น เชื่อว่า หากสังคมไทยตื่นตัว กสทช. อยู่ยาก ภาคประชาชนไม่มีใครอยากให้มีการผูกขาดลักษณะนี้เกิดขึ้น และหากจำเป็นต้องฟ้อง กสทช. ก็ต้องฟ้อง เพื่อกระตุ้นให้ กสทช. ทำหน้าที่" นายสมบูรณ์ กล่าว