นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.ธีระมงคล อุตสาหกรรม (TMI) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ใช้งบลงทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวภาพแห่งที่ 3 จังหวัดสุพรรณบุรี ขนาดกำลังผลิต 3 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ 30 ไร่ จำนวน 240 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 3/65
ทั้งนี้ TMI ยังคงเป้าหมายขยายการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวภาพในเชิงรุกมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการ COD โรงไฟฟ้าจังหวัดสุพรรณบุรีในครั้งนี้ จะสนับสนุนให้บริษัทมีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 5.4 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ COD โรงไฟฟ้าชีวภาพไปแล้ว 2 โครงการ ที่จังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดชุมพร มีกำลังการผลิตรวม 2.4 เมกะวัตต์ จึงมั่นใจว่าการ COD โรงไฟฟ้าชีวภาพทั้ง 3 แห่ง จะหนุนให้บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดด และมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากธุรกิจโดยรวมของบริษัทฯ ซึ่งคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 6-7 ปีข้างหน้า
สำหรับ โรงไฟฟ้าชีวภาพ แห่งที่ 3 จังหวัดสุพรรณบุรี ถือเป็นโรงไฟฟ้าอัจฉริยะแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่ได้รับการออกแบบและก่อสร้างตามมาตรฐานสากล โดยมีพนักงานควบคุมไม่เกิน 5 คน ส่วน อุปกรณ์และมาตรฐานทั้งหมดเป็นของซีเมนส์ ซึ่งสามารถควบคุมและดูแลได้ตลอด 24 ชั่วโมง
"นับจากนี้ TMI พร้อมก้าวสู่ธุรกิจพลังงานอย่างเต็มตัว โดยมองไกลไปถึงการจำหน่ายไฟฟ้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากการลงทุนจัดซื้ออุปกรณ์ของยุโรปทั้งหมดนั้น จะได้ประโยชน์ความเชื่อมั่นกลับมาด้วย เพราะทางยุโรปได้ใส่ใจในเรื่องคาร์บอนเครดิตเป็นอย่างมาก และพร้อมจัดซื้อในราคาที่เพิ่งสูงขึ้นถึง 30 เท่า ซึ่งจะทำให้รายได้ของ TMI เพิ่มสูงขึ้นไปอีก จนสามารถคืนทุนได้เร็วขึ้นอีกด้วย" นายธีระชัย กล่าว
พรัอมกันนี้เมื่อเข้าสู่ธุรกิจพลังงานอย่างเต็มตัวแล้ว TMI ได้เล็งเข้าร่วมทุนกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อความคล่องตัวในการขยายงาน ส่วนงบการลงทุนนั้น ธนาคารต่างๆ มีความมั่นใจในธุรกิจของ TMI เพื่อปล่อยกู้ และยังมีที่ปรึกษาทางการเงินพร้อมให้ข้อมูลในการออกหุ้นกู้ ซึ่งต้องมองให้ไกล เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยตั้งเป้าการเติบโตธุรกิจไบโอก๊าซไว้ที่ 15 เมกะวัตต์/ปี แต่ถ้าสามารถเติบโตได้ปีละ 5 เมกะวัตต์ ก็จะช่วยให้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้วางแผนเข้าซื้อธุรกิจ หรือควบรวมธุรกิจกับพันธมิตร เพื่อให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วขึ้น
ส่วนธุรกิจแสงสว่างของ TMI ยังคงเดินหน้าไปได้ดี สามารถสร้างรายได้ในช่วง 2 ไตรมาสแรกเติบโตต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงโลซีซั่น ส่วน 2 ไตรมาสสุดท้าย จะเป็นช่วงไฮซีชั่นของธุรกิจไฟฟ้า เนื่องจากธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวกำลังกลับสู่สภาพปกติ รวมถึงก็เพิ่มสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก จึงมั่นใจการดำเนินธุรกิจทั้งปี 65 จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง