นายจวง จื้อ เหยา รองประธานกรรมการ บมจ.ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) (HFT) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/65 จะใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 2/65 ที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 907.62 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 119.05 ล้านบาท แม้ว่าโดยปกติแล้วจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของบริษัท ขณะที่ไตรมาส 4/65 จะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยหนุนให้ผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก
โดยบริษัทได้รับปัจจัยหนุนจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาอย่างต่อเนื่อง หนุนภาพรวมการส่งออก ในขณะเดียวกันคำสั่งซื้อยางจักรยานและจักยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสหภาพยุโรปที่บริษัทมีสัดส่วนรายได้มากถึง 49% ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้มีการปรับราคาขายสินค้าให้สะท้อนต้นทุนพลังงาน และ ต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ราคาวัตถุดิบยังทยอยปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
"ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/65 ถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะเดียวกันเรายังได้มีการปรับราคาขายให้เหมาะสมกับต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมไปถึงยังได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาต่อเนื่องด้วย ทิศทางในช่วงครึ่งปีหลังจึงเติบโตได้ดีโดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/65 ที่เราจะมีต้นทุนจากวัตถุดิบใหม่ที่ราคาต่ำลงด้วย"นายจวง จื้อ เหยา กล่าว
นอกจากนี้บริษัทยังมีความสนใจในการลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิมซึ่งมีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะทั้งรูปแบบของการควบรวมกิจการ (M&A) การร่วมทุน (JV) หรือการหา Synergy ร่วมกันกับพันธมิตรที่มีศักยภาพใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรรายใหญ่จากไต้หวัน ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับจักรยานยนต์ไฟฟ้า และ จักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนการร่วมลงทุนในช่วงปลายปี 65 อย่างน้อย 1 ดีล