นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คอมเซเว่น (COM7) เปิดเผยว่า กระแสการตอบรับ iPhone14 ที่กำหนดวางจำหน่ายวันแรกในวันนี้ (วันที่ 16 ก.ย. 65) สามารถมียอดจองที่แรงทุบสถิติยอดจองสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และโควตาที่ iPhone14 ที่บริษัทได้รับมากกว่าปีก่อนเล็กน้อย และลูกค้าให้การตอบรับที่ดีจากยอดจองที่เต็มในวันแรก สะท้อนยอดขายสินค้ากลุ่ม Apple ในประเทศไทยมีการเติบโต และมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น และบริษัทในฐานะตัวแทนจำหน่ายสินค้า Apple รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีสัดส่วนยอดขาย iPhone ที่สูงที่สุด และมีสัดส่วนการขาย iPhone คิดเป็น 50% ของยอดขายโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของ COM7
โดยการเปิดขาย iPhone14 เป็น Teir 1 ของประเทศไทย พร้อมกับ 40 ประเทศทั่วโลก ทำให้บริษัทได้รับอานิสงส์บวกของการเติบโตด้านยอดขายในช่วงไตรมาส 3/65 ที่จะเป็นปีแรกที่ยอดขายในช่วงไตรมาส 3/65 จะเติบโตกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะโดยปกติไตรมาส 3/65 จะเป็นช่วงที่ยอดขายชะลอตัว จากการที่สินค้าใหม่ๆยังไม่วางขาย รวมถึง iPhone ที่ผ่านมาจะวางขายในช่วงเดือนต.ค. เป็นต้นไป แต่ในปี 65 iPhone14 ขายในไทยกลางเดือนก.ย.นี้ ทำให้ยอดขาย iPhone14 เข้ามาในช่วงโค้งสุดท้ายของไตรมาส 3/65 และหนุนการเติบโตของยอดขายในไตรมาส 3/65 และคาดว่าจะเห็นการเติบโตขึ้นต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 4/65 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น
บริษัทยังมั่นใจรายได้ปี 65 ยังทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน หรือมียอดขายแตะ 6 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ 5.1 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 4/65 จะมีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 70 สาขา ทำให้จะมีสาขารวมในปีนี้ 1,200 สาขา และวางเป้ายอดขายเติบโตในปีต่อๆไปไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี โดยคาดว่าในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีรายได้แตะ 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะเดินหน้าไนการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด (Market share) อย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าเพิ่ม Market share เป็น 30% ภายใน 3-4 ปี จากปัจจุบันที่ 20% ของมูลค่ารวมตลาดสินค้าไอทีอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีการเพิ่มบริการใหม่ๆเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น โดยในช่วงเดือนต.ค.นี้ จะเปิดบริการให้เช่าโทรศัพท์สมาร์ทโฟน Flagship รายวัน สำหรับลูกค้าที่ต้องการทดลองใช้สมาร์ทโฟน Flagship โดยเฉพาะการลองใช้โหมดกล้องถ่ายรูปและวิดีโอ เพื่อบันทึกภาพการท่องเที่ยว รองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการทดลองนำโทรศัพท์ไปใช้เพื่อการท่องเที่ยว และเป็นทางเลือกที่ช่วยสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า และนำมาถึงการซื้อโทรศัพท์สมาร์ทโฟนกับบริษัทต่อได้
สำหรับการเข้าซื้อบมจ.พุทธธรรมประกันภัย (PTI) ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจในเรื่องประกันที่จะสามารถนำมาเสนอกับลูกค้าที่ซื้อโทรศัพท์ และอุปกรณ์ไอทีต่างๆกับ COM7 ได้ และในส่วนของความกังวลประกันโควิด-19 นั่นบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เพราะบมจ.พุทธธรรมประกันภัย ได้หยุดการขายประกันโควิด-19 ไปแล้ว และไม่มีการเคลมประกันโควิด-19 เข้ามา ทำให้บริษัทไม่ได้รับแรงกดดันในเรื่องประกันโควิด-19 เข้ามากดดันต่อผลการดำเนินงานบริษัท
ส่วนการเข้าลงทุนในธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติมนั้นยังมีการเจรจากับพันธมิตรหลายรายที่คุยกับบริษัท แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในด้านแหล่งเงินทุนที่มารองรับการลงทุนใหม่ๆได้ ซึ่งการลงทุนใหม่นั้นจะต้องมาต่อยอดในการทำธุรกิจให้สร้างเติบโตได้มากขึ้น และต้องมี Synergy ที่เหนือกว่าผู้เล่นอื่นในตลาด