นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่อาวุโส รักษาการประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า จากที่บริษัทได้ยื่นแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไขให้กับศาลล้มละลายเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 65 และได้จัดการประชุมเจ้าหนี้เมื่อ 1 ก.ย.65 แล้วนั้นศาลล้มละลายได้เรียกผู้บริหารแผนมาชี้แจงในวันที่ 21 และ 22 ก.ย.65 หลังจากมีเจ้าหนี้บางรายคัดค้าน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าศาลล้มละลายเห็นชอบแผนฟื้นฟูฉบับแก้ไขได้ประมาณสัปดาห์แรกหรือสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนต.ค. 65 ต่อจากนั้น บริษัทจะดำเนินการตามแผนได้ ได้แก่ การปรับโครงสร้างหนี้ การแปลงหนี้เป็นทุน และการเพิ่มทุน
สำหรับการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมนั้น บริษัทยังไม่ได้กำหนดระยะเวลา เนื่องจากต้องพิจารณาจังหวะเวลาที่เหมาะสม ทั้งภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ และภาวะของบริษัท อย่างไรก็ตาม การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจะไม่ต่ำกว่าราคา 2.5452 บาท/หุ้น ขณะที่เจ้าหนี้จะได้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนในอัตรา 2.5452 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ หลังการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการแล้วจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะลดลงเหลือ 33% จากปัจจุบันถือหุ้น 44.7% ซึ่งจะทำให้ THAI ไม่กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ ขณะที่ผู้ถือหุ้นเดิมชาวไทยปัจจุบันมีสัดส่วน 35.83% ผู้ถือหุ้นต่างชาติ 15.98% ธนาคารออมสิน 2.12% และผู้ถือหุ้นอื่น 1.31%
"แผนฟื้นฟูจะทำให้การบินไทยไม่กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจอีก จะเป็นบริษัทเอกชน สัดส่วนเจ้าหนี้จะถือหุ้นเพิ่มเติมที่มาทดแทนในสัดส่วนภาครัฐ สอดรับกับผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่มขึ้นจากการซื้อหุ้นเพิ่มทุน จะตอบโจทย์ว่าการเมือง หรืออิทธิพลจากภายนอกจะลดลงที่จะทำให้การดำเนินงานอย่างมืออาชีพ"นายชาย กล่าว
นายชาย กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะออกจากแผนฟื้นฟูได้ภายในปลายปี 67 เพราะคาดว่าผลประกอบการจะทำได้ตามเกณฑ์ โดยกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เป็นบวก รวมถึงส่วนของทุนก็เป็นบวก
ส่วนผลประกอบการในปี 65 คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อน หลังจากหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการและเปิดประเทศมากขึ้น โดยผลประกอบการในครึ่งแรกของปี 65 ปรับตัวดีขึ้นสอดคล้องกับความต้องการการเดินทางที่เพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนผู้โดยสาร 3.02 ล้านคน เพิ่มขึ้น 320% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) อยู่ที่ 49.2% เพิ่มขึ้น 33% โดยในไตรมาส 2/65 เพิ่มขึ้นมาเป็น 60.3%
ขณะที่การใช้เครื่องบิน (Utilization) เพิ่มเป็นเฉลี่ย 8.9 ชั่วโมง/วัน หรือเพิ่มขึ้น 75% โดยในไตรมาส 2/65 มี Utilization 9.8 ชั่วโมง/วัน ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนลดลงในช่วงครึ่งปีแรกที่ 4,469 ล้านบาท (ขาดทุนลดลง 61% จาก H1/64) โดยในไตรมาส 2/65 มีผลขาดทุน 1,299 ล้านบาท ลดลง 59% จากไตรมาส 1/65 ที่มีขาดทุน 3,167 ล้านบาท
ในช่วงครึ่งปีหลังปี 65 คาดว่าการเดินทางจะกลับเข้าใกล้ภาวะปกติมากขึ้น รวมถึงผลจากการปรับโครงสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก โดยปีนี้จะสามารถปรับลดค่าใช้จ่าย 6.24 หมื่นล้านบาท และจะลดลงต่อเนื่องในปี 66 วงเงิน 5.6 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากการปรับลดบุคคลากรช่วยให้ค่าใช้จ่ายพนักงานลดลง และค่าเช่าเครื่องบินลดลง โดยการปรับลด 2 ส่วนนี้ช่วยลดต้นทุนลง 30-40%
ทั้งนี้ การบินไทยตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารปีนี้ที่ 4.5 ล้านคน Cabin Factor เฉลี่ยที่ 80-82% อย่างไรก็ดี จีนและญี่ปุ่นยังไม่เปิดประเทศ แต่ญี่ปุ่นก็มีแนวโน้มจะเปิดประเทศในเดือน ต.ค.นี้ คาดว่าหาก 2 ประเทศเปิดประเทศจะทำให้ผลประกอบการการบินไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะบริษัทมีเที่ยวบินในจีนและญี่ปุ่นค่อนข้างมาก
"ณ วันนี้ จากไตรมาส 2 และ 2 เดือนของไตรมาส 3 ปี 65 บริษัททำได้ดีกว่าเป้าหมาย ก็มั่นใจผลประกอบการในปี 65ดีกว่าปีก่อน" นายชาย กล่าว