นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไรมอนแลนด์ (RML) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเซ็นสัญญาในการร่วมพัฒนาโครงการกับเจ้าของที่ดินในจังหวัดภูเก็ต เพื่อร่วมพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บนที่ดินของพันธมิตร ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดของการพัฒนาโครงการดังกล่าวร่วมกับพันธมิตรเจ้าของที่ดินในภายในสัปดาห์หน้า
การร่วมมือกับพันธมิตรเจ้าของที่ดินถือเป็นหนึ่งกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทรูปแบบที่เป็น Asset light หรือไม่ต้องมีการลงทุนเพื่อซื้อที่ดินหรือสินทรัพย์อี่นๆเข้ามามาก และทำให้บริษัทสามารถพัฒนาโครงการใหม่ๆได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังเน้นการพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี่ขึ้นไปเป็นหลัก
บริษัทมองว่าตลาดอส่งหาริททรัพย์ระดับลักชัวรี่นั้นยังมีศักยภาพต่อเนื่อง จากการที่กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงยังมีความสามารถในการซื้อที่ดีมาต่อเนื่อง และยังมองหาการซื้อสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับลูกค้ากลุ่มดังกล่าวยังคงไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจมากเหมือนกับลูกค้าระดับอื่นๆ เนื่องจากยังคงมีรายได้ที่ดีจากการประกอบธุรกิจ แม้ว่าจะมีผลกระทบในด้านการลงทุนที่ลดลงบ้าง แต่ถือว่ายังมีศักยภาพในการซื้อที่ดี ทำให้บริษัทยังจะเน้นการพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี่ต่อไป
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการสร้างมูลค่าโครงการที่บริษัทพัฒนาขึ้น ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรด้านการบริหารจัดการที่อยู่อาศัยและโรงแรมชั้นนำระดับโลก ด้วยการทำโครงการที่เป็น Branded Residence ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่างให้กับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท และทำให้ผู้ซื้อมีความรู้สึกได้รับคุณค่าและช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอสังริมทรัพย์ของบริษัทที่มอบให้กับผู้ซื้อ พร้อมกับมอบบริการที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
สำหรับ Branded Residence โครงการแรกของบริษัทจะเริ่มเปิดตัวโครงการแรก คือ โครงการ Rosewood กมลา ซึ่งเป็นวิลล่าระดับลักชัวรี่แห่งแรกของบริษัทในจังหวัดภูเก็ต มูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท โดยบริษัทได้เลื่อนเปิดโครงการไปเป็นช่วงไตรมาส 4/65 หรือช่วงต้นปี 66 ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเริ่มเปิดขายและประชาสัมพันธ์โครงการ อีกทั้งในปี 66 จะมีการเปิดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวร์รี่ที่เป็น Branded Residence ในกรุงเทพฯอีก 1 โครงการ
ส่วนความคืบหน้าโครงการอาคารสำนักงานให้เช่า ONE CITY CENTRE (OCC) พื้นที่เช่า 61,000 ตารางเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 1/66 ปัจจุบันมีอัตราการเช่าแล้วกว่า 40% ค่าเช่าเฉลี่ย 1,500 บาท/ตารางเมตร/เดือน อีกทั้งในช่วงไตรมาส 4/65 จะเปิดตัวโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ที่ร่วมทุนกับพันธมิตรสิงคโปร์ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำเข้ามาให้กับบริษัท
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ในปี 66 บริษัทจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีโครงการคอนโดมิเนืยม tait สาทร 12 มูลค่า 4.4 พันล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 85% ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ
อีกทั้งบริษัทมองว่ากลุ่มลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นอีกหนึ่งกลุ่มลูค้าที่เริ่มมีความสนใจเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ไนประเทศไทยมากขึ้น เช่น กลุ่มชาวกัมพูชาและเมียนมา ที่เริ่มเห็นการเข้ามาซื้ออสังหาริทารัพย์ไนประเทศไทย ดังนั้นบริษัทจะขยายฐานลูกค้ากลุ่มประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าชาวตะวันออกกลางที่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และยังเชื่อมั่นว่าหลังจากที่จีนได้มีนโยบายเปิดประเทศให้ประชาชนเดินทางออกมานอกประเทศได้จะได้ฐานลูกค้าชาวจีนที่กลับมาซื้อเพิ่มขึ้นด้วย