DTAC-TRUE ดีดตัวขึ้นรับความเห็นกฤษฎีการะบบอดร์ดกสท๙งไม่มีอำนาจยับยั้งการควบรวมกิจการ
เมื่อเวลา 9.58 น.
DTAC ปรับขึ้น 5.78% หรือ เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มาที่ 45.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 400.35 ล้านบาท
TRUE ปรับขึ้น 3.91% หรือ เพิ่มขึ้น 0.19 บาท มาที่ 5.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 499.72 ล้านบาท
ADVANC ปรับขึ้น 1.06% หรือ เพิ่มขึ้น 2.00 บาทมาที่ 193.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 150.90 ล้านบาท
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่าคณะกรรมการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไม่มีอำนาจพิจารณายับยั้งการรวมกิจการระหว่าง บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) โดยสิ่งที่ กสทช.สามารถดำเนินการได้คือการกำหนดเงื่อนไขเพื่อรักษาสภาวะการแข่งขันในตลาด และดูแลไม่ให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์
"ข่าวนี้เป็นบวกกับทั้ง DTAC และ TRUE และจะช่วยปูทางไปสู่การควบรวมที่ค้างเติ่งมานาน เราคาดว่า กสทช. จะออกประกาศมาในเร็ว ๆ นี้ให้สองบริษัทเดินหน้าควบรวมกิจการกันได้ แต่เรายังมีมุมมองที่ระมัดระวังกับเงื่อนไขที่ กสทช. จะกำหนดขึ้นมาเพื่อให้มั่นใจว่าสาธารณชนจะไม่คัดค้านดีลการควบรวมนี้อย่างหนัก"
บล.กรุงศรี คาดว่า กสทช. อาจจะกำหนดเงื่อนไขดังต่อไปนี้ 1) DTAC และ TRUE ต้องทำธุรกิจโดยใช้ทั้งสองแบรนด์ต่อไปอีกอย่างน้อยสามปีหลังการควบรวมกิจการ 2) DTAC และ TRUE ไม่สามารถแบ่งโครงข่ายและคลื่นความถี่ระหว่างกันได้
ในมุมมองของเรา เงื่อนไขแรกจะไม่กระทบกับมูลค่าของ synergy ที่จะเกิดจากการควบรวมกิจการระหว่าง DTAC และ TRUE แต่หาก กสทช.กำหนดเงื่อนไขข้อหลังจริงจะทำให้ synergy ของการควบรวมกิจการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม เรายังเลือก ADVANC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม แต่เนื่องจากราคาหุ้น DTAC และ TRUE ต่ำกว่าราคา tender offer (DTAC ที่ 47.76 บาท และ TRUE ที่ 5.09 บาท) จึงแนะนำให้นักลงทุนเข้าเก็งกำไรในหุ้นทั้งสองตัว โดยเราแนะนำให้ขายออกเมื่อราคาหุ้น DTAC ขึ้นมาถึงราคาเป้าหมายของเราที่ 50.50 บาท และเมื่อราคาหุ้น TRUE ขึ้นมาถึงราคาเป้าหมายของเราที่ 5 บาท เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเงื่อนไขการควบรวมที่ กสทช. จะกำหนดขึ้นมา