โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" หุ้น บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) คาดว่าดีลควบรวมกิจการระหว่าง TRUE และ DTAC จะผ่านไปได้หลังกฤษฎีกาให้ความเห็นให้คณะกรรมการ กสทช.ยึดตามประกาศปี 61 ที่ให้อำนาจเพียงรับทราบ และกำหนดมาตรการเยียวยาผู้บริโภค โดยคาดว่า กสทช.จะนัดพิจารณาในวันที่ 5 ต.ค.นี้
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/65 น่าจะดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวม นหนุนให้รายได้หลักกลับมาเติบโต และได้ประโยชน์จากฐานกำไรที่ต่ำในปีก่อน ทั้งรายได้ค่าบริการ รายได้จากขายเครื่องมือถือ และ Netadd เพิ่มเข้ามา
อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์บางรายมองว่าดีลควบรวมยังมีความไม่แน่นอน จึงไม่นำมารวมในประมาณการของ DTAC
ราคาหุ้น DTAC ที่ 45.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท (+5.20%) เมื่อเวลา 15.41 น. ขณะที่ ดัชนี SET -0.08%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ทิสโก้ ซื้อ 59.00 กสิกรไทย ซื้อ 58.43 เอเชียพลัส ซื้อ 58.00 หยวนต้า ซื้อ 55.75 โนมูระพัฒนสิน ซื้อ 55.00 เมย์แบงก์ ซื้อ 48.60 ยูโอบีเคย์เฮียน ถือ 50.00 พาย ถือ 47.60 ดาโอ ถือ 30.00
นายพิสุทธิ์ งามวิจิตรวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย จากที่สำนักงานกฤษฎีกาส่งหนังสือกลับมายังสำนักงานคณะกรามการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เกี่ยวกับการพิจารณาคำของควบรวมกิจการระหว่างบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ที่ระบุกสทช.ให้ยึดตามประกาศ กสทช.ปี 61 ที่รับทราบและกำหนดเงื่อนไขมาตรการเยียวยานั้น ก็ต้องรอดูท่าทีบอร์ด กสทช. ว่าจะโหวตดำเนินการตามที่กฤษฎีกาให้ความเห็นมาหรือไม่ แต่แนวโน้มน่าจะดำเนินการตาม เพราะคะแนนเสียงโหวต 3 ต่อ 2 ให้ส่งเรื่องให้กฎษฎีกาตีความก็น่าจะรับความเห็น 3 ต่อ 2 หากแพ้โหวตก็จะต้องรอกรรมการ กสทช.รายใหม่เข้ามาเพิ่ม เป็น 6 ท่าน
อย่างไรก็ตาม บล.กสิกรไทย เชื่อ 100% ว่าดีลควบรวมระหว่าง TRUE และ DTAC ผ่านได้ และจากกรณีดังกล่าว วันนี้ราคาหุ้น TRUE และ DTAC วิ่งเข้าใกล้ราคาเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) โดย TRUE ราคา 5.09 บาท และ DTAC อยู่ที่ 47.76 บาท โดย บล.กสิกรไทยให้ราคาเป้าหมาย DTAC ที่ 58.43 บาท ซึ่งมี upside จากราคาปิดวานนี้ 35% ส่วน TRUE ให้ราคาเป้าหมาย 6.28 บาท มี upside จากราคาปิดเมื่อวาน 29% ดังนั้น มอง DTAC น่าสนใจกว่า
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงดีลนี้ที่ต้องติดตามว่าในวันที่ 5 ต.ค.นี้ กสทช.ทั้ง 5 รายจะโหวตผ่านการควบรวมกิจการซึ่งคาดว่าน่าจะโหวตผ่าน ตามความเห็นกฤษฎีกา และต้องดูมาตรการเยียวยาจะออกมาเข้มข้นอย่างไร นอกจากนี้คาดว่าจะมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองก็ต้องรอดูว่าศาลจะให้ความคุ้มครองฉุกเฉินหรือไม่ หากผ่านไปได้ราคาหุ้นก็จะกลับขึ้นมา
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราห์คาดกำไรปกติไตรมาส 3/65 ของ DTAC ที่ 947 ล้านบาท (+48.6% QoQ, +44.6% YoY) กำไรปกติที่ดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY มาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีขึ้นหนุนให้รายได้หลักกลับมาเติบโต และการได้ประโยชน์จากฐานกำไรที่ต่ำ
1) คาด Service revenue ex. IC ที่ 1.41 หมื่นล้านบาท (+1.5% QoQ +1.1% YoY) ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด Prepaid กำลังซื้อที่ฟื้นตัวหนุนให้ Netadd เป็นบวกต่อเนื่อง ขณะที่ ARPU ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่การแข่งขันยังรุนแรงในบางตลาด เช่น ตลาด Tourism มีการออก Unlimited package จากคู่แข่งเพื่อแย่งตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผลกระทบทางอ้อมทำให้ผู้บริโภคในประเทศบางกลุ่มเลือกซื้อ Package ดังกล่าวกดดันการฟื้นตัวของ ARPU ให้ฟื้นตัวได้ไม่เต็มศักยภาพ
2) รายได้จากธุรกิจขายมือถือ คาดเติบโต QoQ และ YoY หนุนจากสถานการณ์ Chip shortage ที่ดีขึ้น หลังประเทศจีนกลับมาคลายล็อคดาวน์ทำให้สายการผลิต Consumer Electronic ดีขึ้น แต่ยังเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่การได้ขาย iPhone รุ่นใหม่ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.65 หนุนให้ไตรมาส 3/65 DTAC มีแรงหนุนพิเศษเทียบกับปีก่อนหน้า
3) ด้านต้นทุน คาดการอุดหนุนค่าเครื่องลดลง QoQ หนุนจากกาลังซื้อที่ฟื้นตัว แต่ต้นทุนอื่นๆ คาดได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ ราคาไฟที่สูงขึ้น (Utility cost 4-6% of cost of sale) และค่าเงินบาท/USD ที่อ่อนค่ากดดันให้ Network Maintenance เพิ่มขึ้น เนื่องจากบางสัญญา DTAC ทำไว้กับคู่ค้าในเทอม USD เราคาด Device subsidy ที่ -360 ล้านบาท Network OPEX +13% QoQ และ Regulatory fee กลับสู่ระดับปกติที่ 424 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนที่ติดลบเพราะมีรายการพิเศษ ขณะที่ SG&A เรา คาดทรงตัว YoY แม้มีค่าใช้จ่ายเปิดตัว iPhone แต่ได้ผลของการลดต้นทุนอย่างเข้มข้นชดเชย
หากกำไรออกมาตามคาด กำไรในงวด 9 เดือนปี 65 จะคิดเป็น 74% ของประมาณการของเรา เราคงประมาณการปี 2565 ที่ 3.3 พันล้านบาท (-5.3% YoY)
สำหรับการควบรวมยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของ กสทช. DTAC ให้ความเห็นเกี่ยวกับเงื่อนไขการเจรจากับ กสทช.ว่าบริษัทยินยอมจะอยู่ภายใต้ข้อเสนอของการทำ Dual Brand แต่การจะต้องคืนคลื่นความถี่จำนวนมาก การไม่สามารถรวมโครงข่าย หรือรวมการใช้งานคลื่นเพื่อประโยชน์ด้านการลดต้นทุนเป็นประเด็นที่บริษัทยังไม่เห็นด้วย ขณะที่ด้าน Timeline DTAC คงมุมมองว่าธุรกรรมการควบรวมกิจการจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2565
การพิจารณาที่ยังต้องอาศัยเวลาของ กสทช.ทำให้หุ้นกลุ่ม Mobile Operators ขาดสีสันระยะสั้น แต่ในแง่ของ Valuation ปัจจุบัน Risk-Reward ของ TRUE และ DTAC กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เราคาดการอนุมัติของ กสทช. จะเกิดได้ทันใน ไตรมาส 4/65 ภายใต้เงื่อนไขการควบคุมราคาเพื่อไม่ให้กระทบผู้บริโภคและเงื่อนไขการคืนคลื่นที่จะไม่กระทบกับ Synergy ที่เราคาดราว 1-2 หมื่นล้านบาทต่อปีอย่างมีนัยสำคัญ
คงประมาณการและราคาเหมาะสมของ DTAC ที่ 55.75 บาทต่อหุ้น (DCF) อิงโอกาสเกิดขึ้นของดีลที่ 70% เราคงแนะนำ "ซื้อ" Risk-Reward Ratio ที่น่าสนใจ และ Timeline การควบรวมกิจการที่คืบหน้ามากขึ้น ทำให้เราคาดตลาดจะเริ่มกลับเข้าสะสมหุ้น TRUE และ DTAC ในช่วงไตรมาส 4/65 ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) การแข่งขันด้านราคารุนแรง 2) ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ และ 3) ดีลการควบรวมกิจการระหว่าง TRUE และ DTAC ไม่ประสบความสำเร็จ
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงแนะนำ "ถือ" DTAC ราคาเป้าหมายที่ 30.00 บาท อิง DCF (WACC 8.9%, TG 2%) ประเมินกำไรปกติไตรมาส 3/65 ที่ 659 ล้านบาท (ทรงตัว YoY, +2% QoQ) โดยรายได้จากบริการหลักที่ 1.4 หมื่นล้านบาท (ทรงตัว YoY, +1% QoQ) การแข่งขันยังรุนแรงกดดัน ARPU แต่เชื่อว่า net add momentum ยังสามารถเพิ่มขึ้นมาชดเชยได้ ในขณะที่ต้นทุนบริการหลักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (+2% YoY, +1% QoQ) จากการเพิ่มขึ้นของ network opex ส่วน core SG&A (+2% YoY, +5% QoQ) จากการกลับมาทำการตลาด
โดยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ 2.8 พันล้านบาท (-18% YoY) แนวโน้มไตรมาส 4/65 คาดว่าผลประกอบการจะทรงตัว QoQ แม้รายได้มีโอกาสฟื้นตัวต่อจากการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายทางการตลาดซึ่งเข้าช่วง high season จะเป็นปัจจัยที่เข้ามากดดัน
ราคาหุ้นกลับมา underperform ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาราว -8% คาดมาจากความไม่แน่นอนสำหรับดีล amalgamation ที่มีมากขึ้นหลัง กสทช.ขาดความชัดเจนและยังไม่มีเวลาที่แน่ชัดว่าจะยุติเมื่อใด เบื้องต้นยังแนะ "ถือ" จากราคาปัจจุบันอยู่ใกล้ราคา tender offer ยังคงประเมินราคาหุ้นมี upside จาก synergy benefit ที่มีโอกาสเกิดขึ้นอีกมากในอนาคตหากดีลดังกล่าวสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ราคาเป้าหมายของเราที่ 30.00 บาท เป็นราคาที่ไม่นำเรื่องดีล amalgamation มาเกี่ยวข้อง เนื่องจากยังมีความเสี่ยง