PRIN เพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็น 4.3 พันลบ./เล็งร่วมมือพันธมิตรทำรีสอร์ท

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 31, 2008 13:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.ปริญสิริ(PRIN) ปรับเพิ่มเป้าหมายการรับรู้รายได้ในปี 51 เป็น 4.3 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 3.9 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทปิดการขายเฟสแรกของโครงการคอนโดมิเนียม"The Complete ราชปรารภ"ได้เร็วกว่าที่คาดไว้ จึงน่าจะโอนโครงการให้กับลูกค้าได้ 1 อาคารได้ในช่วงไตรมาส 3/51 มูลค่า 800 ล้านบาท หรือ 50% ของทั้งโครงการที่มีมูลค่า 1.55 พันล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้ที่เหลือจะมาจากโครงการเดิม ที่ส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ 
ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม"The Pulse พหลโยธิน" ที่คาดว่าจะต้องเลื่อนการโอนออกไปเป็นปี 52 จากเดิมคาดไว้ในปีนี้ เนื่องจากยังติดปัญหาการขออนุญาตก่อสร้างเกี่ยวกับรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA)นั้น คาดว่าจะยื่นข้อมูลเพิ่มเติมและมีข้อสรุปเรื่อง EIA ภายในเดือนเม.ย.นี้
"ในเดือนเมษายนนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปหลังจากยื่นเสนอข้อมูล EIA ไป จะส่งผลให้การรับรู้ฯ โครงการดังกล่าวเลื่อนไปเป็นปีหน้า แต่อย่างไรก็ตาม มีโครงการราชปรารภมารับรู้ฯในปีนี้แทน จึงไม่น่าจะกระทบกับกำไรในปีนี้"นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน PRIN กล่าว
ปัจจุบันบริษัทมียอดงานในมือ(backlog) 5,834 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 70% ที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปีถัดไป และในช่วงไตรมาส 1/51 บริษัทมียอดขายเข้ามาเพิ่ม 1.1 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการใหม่ 400 ล้านบาทชื่อโครงการ"ปริญญาดา ซอยสามัคคี" ส่วนอีก 700 ล้านบาทมาจากโครงการเดิมที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อน
นายพรพรหม กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินในปีนี้ไว้ประมาณ 2 พันล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต ส่วนในปีนี้คาดว่าจะเปิดโครงการใหม่ 6-8 โครงการ มูลค่าประมาณ 8 พันล้านบาท และน่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 29-30% ในปีนี้ แม้จะมีผลกระทบจากการโอนโครงการ The Pulse พหลโยธินที่ต้องเลื่อนออกไป
ส่วนต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น คงทำให้บริษัทไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะปรับราคาขายบ้านได้ แต่ก็คงต้องขึ้นกับทำเล และยอดขายของแต่ละโครงการด้วย แต่ผลงานในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร เพราะมีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องจากไตรมาส 4/50 เช่น ค่าโฆษณา และ ค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น แต่ในช่วงไตรมาส 2-3/51 ค่าโฆษณาก็คงจะลดลงและเป็นช่วงที่จะมียอดขายเข้ามาแทน
นายพรพรหม เปิดเผยอีกว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรเพื่อร่วมมือกันในการพัฒนาโครงการรีสอร์ทจากที่ดินที่มีอยู่ใน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ พัทยา จ.ชลบุรี คาดว่าจะได้ข้อสรุปรูปแบบความร่วมมือในช่วงครึ่งหลังของปี 51 อาจเป็นการหาบริษัทเข้ามาบริหารรีสอร์ท หรือการร่วมทุนตั้งบริษัทขึ้นมาดำเนินการ ซึ่งน่าจะเปิดตัวได้ในปี 52 มูลค่าโครงการละ 1 พันล้านบาท
"การหันมาดำเนินโครงการรีสอร์ทจะเป็นการสร้างรายได้ระยะยาวให้กับบริษัทในอนาคต"นายพรพรหม กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ