นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีแพนเนล (CPANEL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 และไตรมาส 4/65 จะสามารถทำนิวไฮต่อเนื่อง จากการพัฒนาระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันบริษัทสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากขึ้นถึง 10% ส่งผลให้บริษัทสามารถผลิต Precast Concrete ได้เร็วและมีปริมาณที่มากขึ้น พร้อมลดความผิดพลาด ความสูญเสียในการผลิต ส่งมอบงานได้รวดเร็วขึ้น ในขณะที่มีต้นทุนที่ต่ำลง
นอกจากนี้ บริษัทได้รับความสนใจจากลูกค้าหลากหลายประเภทมากขึ้น อาทิ โรงแรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน ซึ่งถือเป็นโอกาสและแนวโน้มการรับงานในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่ประมาณ 1,105.87 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ครึ่งปีหลังในปี 65 จำนวน 280 ล้านบาท และในปี 66 จำนวน 825 ล้านบาท
"ภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยจำนวนบ้านจัดสรรก่อสร้างใหม่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลยังคงเติบโต อีกทั้งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่กระจายการลงทุนโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน โครงการแนวสูงมีปัจจัยสนับสนุนจากการกลับมาของชาวต่างชาติ อีกทั้ง นโยบายให้สิทธิพิเศษ Long Term Visa ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมและตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าดีขึ้น" นายชาคริต กล่าว
จากภาพรวมสถานการณ์ต่างๆ ที่กระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจ อาทิ การแพร่ระบาดของโควิด-19 สงครามรัฐเซีย-ยูเครน ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ทำให้หน่วยงานต่างๆ คาดการณ์ว่าประเทศไทยอาจมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ ซึ่งทางบริษัทมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์ในการบริหารธุรกิจ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบดังกล่าว เนื่องจาก Precast Concrete ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาทดแทนการก่อสร้างแบบเดิม (Replacement Product) สามารถตอบโจทย์การก่อสร้าง ทั้งความรวดเร็ว การขาดแคลนแรงงาน อีกทั้ง จากภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เชื่อว่าบริษัทจะสามารถรักษาการเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/65 บริษัทมีรายได้รวม 104.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 47.02% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และสามารถทำกำไรนิวไฮเป็นไตรมาสที่ 4 มีกำไรสุทธิ 13.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142.09% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนผลประกอบการครึ่งปีแรก 65 บริษัทมีรายได้รวม 193.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.71% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 24.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.58% จากช่วงเดียวกันปีก่อน